ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 1 บันทึกการเดินทางอียิปต์ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส 18-26 เมษายน 2555

วันที่ 18-19  เมษายน 2555 กรุงเทพ- ไคโร (อียิปต์)-มหาปีรามิดกีซา-พิพิธภัณฑ์-ช้อปปิ้ง

วันที่ 18-19  เมษายน 2555 กรุงเทพ- ไคโร (อียิปต์)
วันที่ 20 เมษายน 2555 ไคโร-กรุงโรม
วันที่ 21 เมษายน 2555 ฟิโนโรมาโน -ปิซ่า-เวนิส
วันที่ 22 เมษายน 2555 เกาะเวนิส-ล่องเรืออนโดล่า-ลูเซิร์น
วันที่ 23 เมษายน 2555 ลูเซิร์น-ยอดเขาทิตลิส-ดิจอง
วันที่ 24 เมษายน 2555 ดีจอง- ปารีส - พระราชวังแวร์ซายส์ 
วันที่ 25-26 เมษายน 2555 หอไอเฟล -ประตูชัย-ชอปปิ้ง -ไคโร -กรุงเทพ


23.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูผู้โดยสารขาออก หมายเลข 7 เคาน์เตอร์ Q สายการบินอิยิปต์แอร์ ในการเดินทางในครั้งนี้ใช้ริการของบริษัท มิสแทรเวิล จำกัด นำทีมโดย คุณพีระ  น้อมจิตเจียม ทำหน้าที่ทั้งเป็นไกด์และหัวหน้าทัวร์ มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับยุโรปมากให้ความรู้กับพวกเราตลอดการเดินทางเลย และครูพรรณี  ขวัญเมือง ผู้ประสานงานทำให้เกิดกิจกรรมการเดินทางอียิปต์  อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส ในครั้งนี้ ขอบคุณมากที่ทำให้ได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์อย่างหลากหลายในต่างแดนและได้รับความสนุกตลอดการเดินทาง และสมาชิกผู้ร่่วมเดินทางอีก 35 ชีวิตที่น่ารักทุกๆท่าน



02.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ครูกิติมา เตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับใส่ของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ เพราะเมื่อไปถึงอียิปต์ยังไม่เข้าที่พัก เที่ยวต่อเลย 1 วัน จะได้ไม่ยุ่งยากกับกระเป๋าใบใหญ่ และทางทัวร์แจกเป้ใบเล็กสีเขียวอีก 1 ใบก็เพียงพอสำหรับใส่ของใช้ส่วนตัวแล้วล่ะ 07.30 น. เดินทางถึง กรุงไคโร คณะพวกเราต้องเสียเวลารอ วีซ่า กลุ่ม พอสมควร ช่วงเวลานั้นก็นั่งรอกัน บ้างก็ถ่ายรูปเล่น บ้างก็สอนการแอ๊กชั่นถ่ายรูปให้กับคู่รัก (สามี ภรรยา) งานนี้มาหลายคู่เลยค่ะ แต่ละคู่น่ารักอ่ะ 
























จากนั้นเดินทางสู่ เมืองกีซ่า เพื่อชม มหาปิรามิด  ปิรามิดแห่งกิซ่า : The Great Pyramid of Egypt หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปิรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างรูปกรวยเหลี่ยมสำหรับเป็นที่เก็บศพกษัตริย์อียิปต์โบราณ ในอียิปต์มีอยู่ 70 ด้วยกัน แต่ปิรามิด 3 แห่งที่อยู่เมืองกีซ่า คือ หลุมฝังศพของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์ (พระเจ้าคูฟู) คีเฟรน และไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดสันนิษฐานว่าปิรามิดนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ 4600 ปีมาแล้ว นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและยังคงตั้งตระหง่านอยู่เพียงแห่งเดียวในโลก ใช้เวลาสร้าง 10 ปี

ปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามอันแห่งเมืองกีซ่านี้ ที่ใหญ่ที่สุดคือปิรามิดของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์ เรียกว่ามหาปิรามิด  ฐานของปิรามิดแห่งนี้มีความกว้างถึง 570,000 ตาราง768 ฟุต บริเวณฐานปิรามิด 4 ด้านนั้น มีความกว้างยาวเท่ากัน คือ 755 ฟุต หรือ 230.12 เมตร จะแตกต่างกันมากน้อยแค่ 8 นิ้ว  ตัวมหาปิรามิดนี้สูงประมาณ 432 ฟุตประมาณได้ว่ามีหินก้อนมหึมาถึง 2,300,000 ก้อน หนักกว่า 6,000,000 ตัน แต่ละก้อนหนักถึง 2.5 ตัน บางก้อนหนักถึง 16 ตัน กว้างยาวประมาณ 3 ฟุต หรือ 1 เมตร   สันนิษฐานว่าผู้สร้าง
ปิรามิดนี้อาศัยดวงดาวเป็นหลัก นอกจากความใหญ่โตอันน่ามหัศจรรย์ของปิรามิดแล้ว การก่อสร้างให้สำเร็จยัง น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าหลายเท่าถ้าทราบว่าหินเหล่านี้ต้องสกัดมาจากภูเขาที่อยูไกล แล้วลากมาสู่ฝั่งแม่น้ำไนล์ ล่องลงมาเป็นระยะทางนับร้อยไมล์ จึงมาถึงจุดใกล้ที่ก่อสร้าง แล้วชักลากผ่านทะเลทรายไปถึงที่ก่อส้างต้องแต่งสลักเป็นแท่งสี่เหลี่ยม แล้วยก วางซ้อนขึ้นไปจนถึง 432 ฟุต  ใจกลางปิรามิดมีห้องเก็บพระศพของพระเจ้าคีออพส์ข้างในทำจากหินแกรนิต กว้าง 34 ฟุต ยาว 17 ฟุต และสูง 19 ฟุต หีบพระศพของพระเจ้าคีออพส์ทำด้วยหินแกรนิตตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของห้องปิรามิดของพระเจ้าคีออพส์ ล้อมรอบด้วยหลุมศพ และปิรามิดเล็ก ๆ อีก 3 แห่ง ซึ่งเป็นของสมาชิกในราชวงศ์และในราชสำนักชั้นสูง

ปิรามิดแห่งที่สองของกีซ่าเป็นปิรามิดคีเฟรน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิด เล็กกว่ามหาปิรามิดเล็กน้อย คือสูง 460 ฟุต ช่วงบนของปิรามิดนี้มีลักษณะเด่นเพราะเป็นหินปูนขาว

ปิรามิดไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งสามแห่ง สูงแค่ 230 ฟุต นอกเหนือจากปิรามิดทั้งสามแล้วยังมี ตัวสฟิงซ์ซึ่งมีชื่อเสียงมากเช่นกัน โดยแกะสลักหินก้อนใหญ่เป็นรูปสิงโตหมอบอยู่แต่หน้าเป็นมนุษย์ใบหน้านี้เป็นใบหน้าของพระเจ้าคีเฟรน ซึ่งมีคนนับถือเป็นพระเจ้าแห่งพระอาทิตย์ รูปสฟิงซ์นี้สูงถึง 66 ฟุต ยาว 240 ฟุต หมอบเฝ้าปากทางที่พามุ่งตรงไปยังปิรามิดแห่งคีเฟรน

ขอบคุณขอมูลอ้างอิงดีๆจาก http://www.wonder7th.com/1pyramid.htm#.U7RsYZSSzz4








































เดินทางกลับ กรุงไคโร ระหว่างทางกลับแวะชมศูนย์กลางการทำ กระดาษปาปิรุส ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจากต้นกก (Papyrus) ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์ในสมัยอียิปต์โบราณ หลังจากนั้นแวะชมโรงงานผลิตหัวน้ำหอม ซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมแบบนี้ สืบทอดมาตั้งแต่สมัย พระนางคลีโอพัตรา ระหว่างเข้าไปเยี่ยมชมมีที่นั่งเป็นแถวยาวให้ มีน้ำหอมกลิ่นต่างๆให้ทดลอง เยอะมาก 555 จนแยกไม่ออกเลยว่ากลิ่นไหนเป็นกลิ่นไหนเลย มีหลายท่านที่สั่งซื้อหัวน้ำหอม






รับประทานอาหารกลางวัน บ่าย เข้าชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไคโร ชมสมบัติต่างๆของฟาโร ซึ่งเก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ชมหน้ากากทองคำ ของฟาโรตุตันคามุน และสมบัติล้ำค่าต่างๆ พิพิธภัณฑ์ ของกรุงไคโร Museum of Cairo  นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของโลกที่เก่าแก่ที่สุดมานานและมีชื่อเสียง เนื่องจากเป็นสถานที่เก็บรักษาวัตถุโบราณที่ถูกค้นพบจากที่ต่างๆ จากหลายยุคสมัย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยท่านเมเรียต ออกัสท์ นักเชี่ยวชาญวัตถุโบราณ ชาวฝรั่งเศษ เริ่มเปิดขึ้นวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ 1902

รับประทานอาหารค่ำและพักที่ Grand Pyramid Hotel  ไม่ได้ออกไปเที่ยวภาคค่ำเหนื่อยจากการเดินทางแล้วล่ะ พรุ่งนี้ต้องอกเดินทางไปอิตาลีอีก พักผ่อนดีกว่านะ



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ