ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

I Love Surat Thani. ตอนที่ 1 บันทึกการเดินทางกุ้ยหลินเมืองไทย 7-8 มิถุนายน 2557 2 วัน 1 คืน

I Love Surat Thani. บันทึกการเดินทางกุ้ยหลินเมืองไทย 7-8 มิถุนายน 2557
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2


ไม่อยากจะบอกเลยว่าเป็นคนสุราษฎร์ธานีแต่ไม่เคยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานเลย ก็ตั้งใจหลายครั้งว่าอยากจะไปเที่ยว นัดกับน้องๆในห้องทำงานว่าจะไป ก็มีอันต้องยกเลิกโครงการทุกครั้ง ได้แต่ดูภาพที่คนอื่นๆเค้าไปเที่ยว ก็จินตนาการไปตามภาพที่เห็นและจากการบอกเล่าของคนที่ได้ไปทุกคนบอกว่าสวยมาก ต้องไปให้ได้ ยิ่งทำให้อยากไปมากกก


เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลานเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อก่อนสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” เขื่อนรัชชประภา สร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ปีนี้ครูโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา เกษียณอายุราชการ 3 ท่าน คือ ครูอรุณศรี กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ (พี่สาวแท้ๆที่น่ารักของ ครูกิติมาเอง) ครูสุพิศ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา   ครูสุอารี กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ พี่ที่รักทั้ง 3 คน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี นำโดย ครูภัทริน หัวหน้ากลุ่มสาระ ครูชื่นกมล แกนนำในการดำเนินการติดต่อประสานงานทั้งหมด ให้ทีมงานทั้งหมด 21 ท่าน (ครูอรุณศรี  ครุสุพิศ  ครูสุอารี  ครูภัทริน  ครูชื่นกมล   ครูนฤมล  ครูสมชาย ครูสายชล  ครูประทักษ์ ครูสุรารักษ์  ครูกิติมา  ครูเสาวนีย์  ครูพัชรา  ครูสุนารี ครูมาลา ครูพรรณี  ครูจันทร์เพ็ญ  ครูปราณี  ครูจิราภรณ์  ครูรัชดาภรณ์ นายพิศูจน์ )ได้ไปศึกษาธรรมชาติ ณ เขื่อนเชี่ยวหลาน ได้รับความสุข รวมทั้งความรู้และประสบการใหม่ๆ ทราบมาว่ามีพี่ๆอีกหลายคนที่ไม่เคยไปเขื่อนเชี่ยวหลานเช่นกัน
บอกตรงๆว่าเป็นการเดินทางที่ครูกิติมา ตื่นเต้นมาก เตรียมพร้อมสัมภาระทุกอย่างที่คิดว่าจะต้องเอา
จะไป มี เสื้อผ้า  หมวก 2 ใบ รองเท้า กระเป๋าสพาย(ใบนี้รักมากไปไหนก็ใช้ใบนี้สะดวกสุด) อุปกรณ์เสริมสวยผมพร้อม  กล้องถ่ายรูป Samsung   iPhone  กล้องถ่ายรูป D-SLR Cannon 60D




 นัดพบคณะที่โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา เวลา 8.30 วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2557 แต่ว่าสมาชิกอดใจไม่ไหว ทิวดอกเฟื่องฟ้าหลากสีของโรงเรียนสวยมาก ระหว่ารอสมาชิกพร้อม ก็แยกย้ายกันถ่ายภาพสวยๆของบรรยากาศของโรงเรียน พร้อมกับตากล้องประจำทริปนี้ คือน้องสายชล ขอลองกล้องถ่ายรูป เพื่อปรับแสง สมาชิกเลยได้ภาพถ่ายสวยๆคนละภาพ 2 ภาพ




สมาชิกพร้อมเราเดินทางโดยใช้รถ 3 คัน คันแรกขับโดยครูชื่นกมล  คันที่ 2 ขับโดยครูสมชาย  คันที่ 3 รถตู้โรงเรียน ขับโดยนายพิสูจน์ โชเฟอร์มือเอกของโรงเรียน ระหว่างทางประทับใจมากเปิดกล้องถ่ายรูปเกือบไม่ทันระหว่างทางไปเขื่อนเชี่ยวหลาน มีต้นไม้คลุมถนน 2 ข้างทาง ไม่ค่อยจะได้เจอบรรยากาศแบบนี้ชอบๆๆๆๆ  ขับรถลอดซุ้มต้นไม้สวยมาก ระยะทางห่างจาก อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ประมาณ 85 Km ขอบคุณ โชเฟอร์มือเอก นายพิสูจน์ ชลอรถทุกครั้งที่ ครูกิติมา อยากถ่ายภาพบรรยากาศข้างทางเพื่อเก็บความทรงจำ เดือนทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย เขื่อนรัชชประภา อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี






มุ่งตรงไปยังท่าเรือที่จะไปที่พักแพเพลินไพร สมาชิกตื่นเต้นกับวิวที่สวยงามมาก พื้นดิน น้ำ และท้องฟ้า สวยมาก ระหว่างรอสมาชิกมาพร้อมกัน ก็คือการถ่ายภาพสวยๆ อย่างสนุกสนาน และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ shopping เล็กน้อยก็ยังดี ครูกิติมาได้หมวกสีแดงสวยงามให้พี่อรุณศรีกลัวพี่สาวร้อนน่ะ เลยซื้อหมวกให้เป็นของขวัญซะเลย แต่ว่าคุณน้องก็ขอยืมมาใส่ถ่ายรูปด้วย 











สมาชิกพร้อมทุกคนอร่อยกับไอติมกันอีกพักใหญ่ ประมาณ 10.30 หลังจากนั้นก็เตรียมพร้อมลงเรือเพื่อเดินทางไปแพเพลินไพร ใช้เวลานั่งเรืออีกประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ได้ชมธรรมชาติซะเต็มอิ่มเลย สวยมากๆ  บางช่วงตื่นเต้นจนลืมเก็บภาพสวยๆเลยนะนี่ ไม่เป็นไรมีตากล้องมือโปรอีกคนน้องสายชล เก็บภาพตลอดเวลา ตากล้องอีกคนก็คือครูชื่นกมลที่เก็บภาพตลอดเวลาเช่นกัน ดีจังทริปนี้ตากล้องเยอะดี












มาถึงแพเพลินไพรเกือบจะเที่ยงแล้วล่ะ ไม่ลืมที่จะเก็บภาพถ่ายเล็กๆน้อยๆก่อนเข้าที่พักและเตรียมพร้อมสำหรับทานอาหารกลางวัน อาหารก็โอเคนะหมดเติมได้ทุกอย่างยกเว้นผลไม้ น้ำดื่มโต๊ะละ 2 ขวดใหญ่ กาแฟ โอวัลติน ทานได้ตลอดเวลา




ประมาณ 13.00 น.ก็นั่งเรือไปดูถ้ำปะการัง ไกด์อธิบายข้อมูลการเดินทางไปถ้ำปะการังว่าต้องนั่งเรือ เดินขึ้นเขา ลงเขา และนั่งแพยนต์ ทำให้มีพี่ๆบางคนตัดสินใจเล่นน้ำที่รีสอร์ท ส่วนหนึ่งก็ยังยืนยันที่จะไป  นั่งเรือไปประมาณ 30 นาที ก็ถึงทางขึ้นที่จะไปขึ้นเขา ลงเขา ประมาณ 2 กม. ก็เดินกันสบายๆ เพราะเดินไปพลางถ่ายภาพได้ภาพดอกไม้ ต้นไม้สวยๆ ทั้งนั้น ช่วงนี้โชว์ภาพเยอะหน่อยเพื่อเป็นการยืนยันว่าสวยจริงๆ ระยะทาง 2 กม. ที่ต้องเดินขึ้นเขา ลงเขาไม่ทำให้ทีมพวกเราลดความสดชื่นกับธรรมชาติไปได้





















เดินมาถึงแพที่จะพาพวกเราไปยังถ้ำปะการัง ก็ต้องรอแพพักใหญ่เหมือนกันคณะก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาแชะๆๆๆ กันตามมุมต่างๆ บอกตรงๆ ว่าสวยๆๆๆมากทุกมุมเช่นกัน

แพยนต์ของทีมพวกเราได้เป็นแพคู่ สมาชิกกระจายนั่งกันตามสะดวก นอกจากชมธรรมชาติระหว่างทางแล้วทุกท่านได้ภาพสวยแอ๊คชั่นกันสุดๆทุกคนเลยนะคะขอบอก ระหว่างทางใกล้ๆจะถึงอยู่แล้วฝนตกมานิดๆแล้ว ตกใจกันมากกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์ จะทำไงดี กำลังหาถุงพลาสติกมาใส่อยู่ อยากบอกว่าทันใดนั้นฝนหยุดตก เย้ๆ ดีใจมาก 























ถ้ำปะการังที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวลักษณะแบบเดียวกับถ้ำน้ำลอดหรือถ้ำทะลุ สาเหตุที่เรียกถ้ำปะการังก็เพราะ หินงอกหินย้อยที่นี่ไม่เหมือนที่ถ้ำอื่นๆ หินงอกหินย้อยที่ถ้ำปะการังนี้จะแตกหน่อเล็กๆ คล้ายๆ ปะการังในทะเล ดูแล้วสวยงามเพลิดเพลินตา สภาพภายในถ้ำสมบูรณ์และสะอาดมาก









เดินทางกลับจากดูถ้าหินย้อย พวกเราก็นั่งแพยนต์ กลับเพื่อมาเดินขึ้นเขา ลงเขาอีก 2 กม.ระหว่างทางสวนกับบางคณะถอดใจไม่ยอมเดินไปขอนั่งรอเพื่อนๆก็มี ภาพด้านล่างนี้ยืนยันว่าพวกเราฟิตจริงๆ คะ 555 หน้าตาสดชื่นทุกคน 







กลับถึงที่พักทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน และทำกิจกรรมที่ชอบๆ กับ ทีม 4 หนุ่มก็นั่งจิบเครื่องดื่ม น้องสายชล เพลิดเพลินกับการตกปลา เตรียมอุปกรณ์มาพร้อม เป็นที่กรี๊ดกร๊าดจากเด็กๆที่พักหลังข้างๆ ตื่นเต้นที่ครูสายชลตกปลาได้ตัวใหญ่ 






ได้เวลาลงเล่นน้ำ  พายเรือเล่นกัน สนุกสนานกันใหญ่ คนว่ายน้ำไม่เป็นก็ยึดเสาต้นใดต้นหนึ่งไว้ ที่เห็นๆ ก็คือครูพัชรา  กับครูกิติมา   ดูคนอื่นว่ายน้ำไปมาอย่างสนุกสนาน อยากทำอย่างนั้นบ้างแต่ไม่กล้าถึงแม่จะมีชูชีพแล้วก็ตาม แต่ก็สนุกสนานกับเค้าเหมือนกันนะจะบอกให้  อีกคณะก็พายเรือเล่นก็ดูน่าสนุกนะ









สนุกสนานกันพอสมควร ก็อาบน้ำที่ห้องน้ำใกล้ ๆ บ้านพัก แต่งตัวเสร็จกันใหม่สมาชิกก็แชะๆๆอีกคนละเล็กละน้อยแล้วก็ทานอาหารเย็น อาหารอร่อยดี 



ระหว่างนี้ครูสายชลก็ทดสอบแสงเพื่อเตรียมถ่ายภาพในกิจกรรมภาคค่ำ ช่วงนี้ครูกิติมา ถือโอกาสได้ถ่ายรูปหลายรูปเชียวแหละ










เมื่อสมาชิกพร้อมเริ่มกิจกรรมแสดงมุฑิตาจิต แก่ครูผู้เกษียณอายุ 3 ท่าน ซึ่งเราจัดกันแบบเรียบๆ แต่ว่าอบอุ่นด้วยความรักของพี่น้องชาว สร. ทุกคนได้ถ่ายภาพกับพี่ๆทั้ง 3 






























ลืมบอกไปอีกอย่างคือไฟฟ้า เค้าจะปั่นไฟใช้เองจะเปิดปิดตามเวลา จะเปิดไฟ  ตั้งแต่ประมาณห้าโมงเย็นถึงห้าทุ่ม หลังจากนั้นเค้าจะมีตะเกียงให้ใช้แต่ละหลัง เดินไปไหนในช่วงเวลานั้นก็ถือตะเกียงไป ก็ดูสวยดีมีตะเกียงวางหน้าบ้านทุกบ้านเห็นเป็นแสงไฟกระจายทั่วพื้นที่แพ ตื่นกันตั้งแต่ตีห้า เล่นน้ำกันอีกรอบอย่างสนุกสนาน ครูกิติมา ขอเป็นช่างภาพ ถ่ายภาพพี่ๆๆเล่นน้ำกับรอเก็บภาพวิวตอนเช้า เก็บภาพสวยๆได้หลายภาพ....ตอนที่ 1 ยาวมาก ขอต่อตอนที่ 2 นะคะ



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ