ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 2 บันทึกการเดินทางอียิปต์ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส 18-26 เมษายน 2555

วันที่ 20 เมษายน 2555 ไคโร - กรุงโรม - กรุงวาติกัน - โคลอสเซี่ยม - น้ำพุเทรวี่ - บันไดสเปน

วันที่ 18-19  เมษายน 2555 กรุงเทพ- ไคโร (อียิปต์)
วันที่ 20 เมษายน 2555 ไคโร-กรุงโรม
วันที่ 21 เมษายน 2555 ฟิโนโรมาโน -ปิซ่า-เวนิส
วันที่ 22 เมษายน 2555 เกาะเวนิส-ล่องเรืออนโดล่า-ลูเซิร์น
วันที่ 23 เมษายน 2555 ลูเซิร์น-ยอดเขาทิตลิส-ดิจอง
วันที่ 24 เมษายน 2555 ดีจอง- ปารีส - พระราชวังแวร์ซายส์ 
วันที่ 25-26 เมษายน 2555 หอไอเฟล -ประตูชัย-ชอปปิ้ง -ไคโร -กรุงเทพ

หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกัน เนื่องจากวันนี้ต้องเดินทางออกจาก กรุงไคดร ประเทศอียิปต์เพื่อมุ่งสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี กันแล้วล่ะ ครูกิติมา มีเรื่องความลับของ คู่รัก สามี ภรรยา ที่น่ารักๆ ไม่บอกว่าคู่ไหนนะคะ ก่อนทานอาหารเช้า ครูกิติมา มองมาจากหน้าต่างห้องพัก เห็นคู่รักเค้าถ่ายรูปกันสนุกสนาน ด้วยท่า Action ที่คุ้นๆว่าที่เราฝึกกันเมื่อวานนี่นา หลังจากนั้นก็ได้ยินว่าท่าที่ฝึกกันใช้หมดแล้ว ฝึกเพิ่มด้วย 555 น่ารักมากๆๆๆ  Trip นี้จะต้องสนุกแน่ๆ  Confirm ค่ะ




 10.30 น. เดินทางสู่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ด้วยเที่ยวบินที่ MS 791 เก็บภาพตลอดไม่เว้นแม้กระทั่งบนเครื่องบิน ทุกคนดูมีความสุขสนุกสนานกับจริงๆ













13.00 น. เดินทางถึงสนามบิน ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี่ (ฟิอุมมาชิโน) หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็เดินทางสู่กรุงโรม เมืองหลวงประเทศอิตาลี ซื่งมีอดีตอันยิ่งใหญ่ และเกียงไกรในยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจเมื่อราวกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว




เข้าสู่นครวาติกัน รัฐอิสระที่ปกครองตนเอง นครรัฐวาติกัน เป็นนครรัฐที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลซึ่งน้อยที่สุดในโลกทั้งในแง่พื้นที่และประชากร ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ชมความงามตระการตาของ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งตกแต่งอย่าโอ่อ่าหรูหรา กว่าจะได้เข้าชมคิวยาวเหยียดเลย แต่พวกเราก็มีความสามารถรอนานเท่าไหร่พวกเราก็รอได้ ทำกิจกรรมไปเรื่อยๆ เลยได้ภาพสวยมากๆๆๆ เยอะเลยค่ะ


























จากนั้นคณะแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้านหน้า สนามกีฬาโคลอสเซียม โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็นสนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน และ ประตูชัยคอนสแตนติน สัญญลักษณ์แห่งชัยชนะและที่มาของ ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม

สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็น รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน ในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลอสเซียม 
สิ่งก่อสร้างรูปทรงโค้งเป็นวงกลมซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของกรุงโรมแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเหล่านักรบโรมันและเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สนามกีฬาแห่งนี้สูง 48 เมตร ยาว 188 เมตร และกว้าง 156 เมตร แนวคิดในการออกแบบโคลอสเซียมนี้ยังคงมีความสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากการออกแบบสนามกีฬาแทบทุกแห่งในโลกนับตั้งแต่นั้นมาต้องปฏิบัติตามแม่แบบดั้งเดิมของโคลอสเซียมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้สิ่งที่ได้รับรู้จากภาพยนตร์และหนังสือบันทึกทางประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีแต่การต่อสู้และการแข่งขันที่โหดร้ายต่างๆ นานา เพื่อความสุขของผู้ชมเท่านั้นก็ตาม 

ใต้อัฒจรรย์โคลอสเซียม และใต้ดินโคลอสเซียม มีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกัน มากทปีๆธิหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน
สนามกีฬาโคลอสเซียม แห่งนี้ จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลง โคลอสเซียม ก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหน ในปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้ชม

7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ

ขอบคุณข้อมุลดีๆจาก http://www.baanmaha.com/community/thread23536.html







จากนั้นเข้าชม น้ำพุเทรวี่ จุดกำเนิดเสียงเพลง ทรีคอนย์ออฟเดอร์ฟาวด์เท่าน ที่โด่งดัง   Trevi Fountain" น้ำพุเทรวี่...น้ำพุที่เชื่อกันว่า ถ้าใครมาถึงอิตาลีแล้วเนี่ย ต้องมาทำการอธิฐาน แล้วหันหลังโยนเหรียญลงไป ซึ่งวิธีการโยนเหรียญเค้าว่ากันว่าถ้าจะให้เห็นผล ต้องหันหลังให้น้ำพุ แล้วโยนเหรียญด้วยมือขวา ผ่านไปทางด้านไหล่ด้านซ้ายค่ะ...แค่นี้คำอธิฐานของเราก็จะเป็นจริง แล้วที่สำคัญ เขาว่ากันว่า "เราจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง" 






















ย่านนี้เป็นย่าน Shopping  ซึ่งเป็นจุดรวมของนักท่องเที่ยว หลังจากนั้นก็เดินเล่นดูของ ดูจริงๆ ไม่ได้ซื้ออะไรเลย ยกเว้นซื้อไอสครีม กิน เดินเล่นบริเวณ บันไดสเปน แหล่งพักผ่อนของชาวอิตาลี ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ จากภาพด้านล่าง ยืนยันว่าคนเยอะจริงๆ ค่ะ หลังจากเดินกันจนเหนื่อยพวกเราก็รวมกลุ่มนั่งกันที่บันไดถ่ายภาพกับเพื่อนใหม่กันสนุกสนาน แต่ก็เริ่มเหน่อยแล้วเหมือนกันนะนี่



























พักค้างคืนที่ EURO HOTEL Rome
PHONE 0765 455 511 www.eurohotel.it


วันที่ 18-19  เมษายน 2555 กรุงเทพ- ไคโร (อียิปต์)

วันที่ 20 เมษายน 2555 ไคโร-กรุงโรม
วันที่ 21 เมษายน 2555 ฟิโนโรมาโน -ปิซ่า-เวนิส
วันที่ 22 เมษายน 2555 เกาะเวนิส-ล่องเรืออนโดล่า-ลูเซิร์น
วันที่ 23 เมษายน 2555 ลูเซิร์น-ยอดเขาทิตลิส-ดิจอง
วันที่ 24 เมษายน 2555 ดีจอง- ปารีส - พระราชวังแวร์ซายส์ 
วันที่ 25-26 เมษายน 2555 หอไอเฟล -ประตูชัย-ชอปปิ้ง -ไคโร -กรุงเทพ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ