ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

.....บันทึกการเดินทาง เสียมเรียบ ของกิติมา จูลี่เหมย..... ตอนที่ 2


.....บันทึกการเดินทาง เสียมเรียบ ของกิติมา จูลี่เหมย.....

วันที่ 10 ตุลาคม 2556 ออกเดินทางจากสุราษฎร์ธานี
วันที่ 11 ตุลาคม 2556 พิพิธภัณฑ์ โตนเลสาบ
วันที่ 12 ตุลาคม 2556 นครธม ปราสาทบายน ปราสาทตาพรหม
วันที่ 13 ตุลาคม 2556 พระใหญ่ น้ำตก
วันที่ 14 ตุลาคม 2556 เป็นวันเดินทางกลับ

ตอนที่ 2

วันที่ 11 ตุลาคม 2556 ทุกคนตื่นนอนเช้ามืดเตรียมตัวไปสนามบินดอนเมือง เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย FD2850 กรุงเทพ เสียมเรียบ แต่ที่สนามบินเค้าเขียนว่าเสียมราฐ




ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ถ่ายภาพเล่นๆกันแก้เซ็งหลายภาพเลยค่ะ นางแบบหน้าตาสดใสวิ๊งเลย แต่ครูสายชล ไม่ยิ้มเลยนะนี่ คิดถึงใครอยู่ป่าว





เครื่องออก 10.20 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เขียนเอกสารเข้าเมือง ยังไม่เสร็จเลย ถึงซะแล้ว เดี๋ยวค่อยมาเขียนเพิ่มที่สนามบินแล้วกัน






สนามบินสวยมากดูแปลกตา ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ระหว่างทางที่จะไปทานอาหารกลางวันก็นำท่วมถนนเป็นระยะ ๆ แต่ไม่มากเท่ากับที่ดูจากเครื่องบินลงมา อาจจะเป็นนอกเมืองเห็นน้ำท่วมแทบมองไม่เห็นพื้นดินเลย












เป็นที่น่าสังเกตว่าที่เสียมเรียบ ส่วนใหญ่เป็นอาหารบุฟเฟ่ คงสะดวกในการให้บริการ พนักงานเพียงมาเติมอาหารเป็นระยะ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก คณะนี้ก็ทานอาหารบุฟเฟ่ ในเมืองเสียมเรียบ อาหารก็โอเคนะ โดยเฉพาะข้าวโพด กับไอติม ชอบๆๆ อาจะเป็นเพราะหิวก็เป็นได้เพราะทานกาแฟที่บ้านญาติ ครูสุรารักษ์ ช่วงเช้ามืด และทานข้าวกล่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปนิดหน่อย หลังทานอาหารเสร็จครูสายชล ทดลองถ่ายภาพโหมดต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมในการท่องเที่ยวและเก็บภาพประทับใจที่เสียมเรียบ





วันที่ 11 ตุลาคม 2556 ทานอาหารเที่ยงอิ่มอร่อยกันแล้ว ก็ชมบรรยากาศระหว่างทางไปชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติออังกอร์ ค่าเข้าชมคนละ 12$ แลกเงินไปแค่ 31$ ประมาณพันบาทนิดๆ พิพิธภัณฑ์ดูทันสมัยดี ห้ามนำกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปต้องเอาไปฝากที่รับฝากก่อน แบ่งเป็น 8 ห้อง คือห้องแนะนำพิพิธภัณฑ์ก่อนเข้าชม ห้องจัดแสดงพระพุทธรูป ห้องแสดงความเป็นมาของอาณาจักรขอมโบราณ ห้องจัดแสดงศาสนาและความเชื่อ ห้องแสดงพระมหากษัตริย์นักสร้างผู้ยิ่งใหญ่ ห้องแสดงปราสาทนครวัด นครธม ห้องจัดแสดงเรื่องเล่าที่ถูกบันทึกบนศิลาจารึก และห้องจัดแสดงพัตราภรณ์โบราณ ซึ่งไม่ค่อยต่างจากแฟชั่นปัจจุบัน ดูหรูกว่าด้วยซ้ำ เก่งจริงๆคนโบราณไม่ต้องไปเรียนออกแบบที่ปารีสเลย





















วันที่ 11 ตุลาคม 2556 ออกจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกอร์ ไปที่วัดใหมหรือวัดทไม วัดนี้เป็นที่รวบรวมกระดูก กระโหลกของผู้เสียชีวิตชาวเขมร จากน้ำมือเขมรแดง ที่เกิดขึ้นในยุคเขมรแดงที่พลพต ผู้นำเขมรแดงปกครอง และเคยใช้เป็นสถานที่ประชุม และประหารชีวิตชาวเขมรในยุคสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ภายในวัดก็มีภาพเก่าๆให้ดูเป็นหลักฐานด้วย ครูตี๋สาธิตการสูบน้ำมาล้างมือด้วยท่อให้ดูด้วย









วันที่ 11 ตุลาคม 2556 เดินทางมาที่ศาลพระองค์เจ๊ก พระองค์จอม แลกเงินเรียลกัมพูชาจากไกด์ 200 บาท ได้มา สองหมื่นเรียล สำหรับทำบุญ ใช้ดอกไม้ธูปเทียน 2 ชุด ไหว้ศาลพระองค์เจ๊ะ-พระองค์จอม (เปรี๊ยะอองเจ๊ะ-เปรี๊ยะอองจอม) เปรียบเหมือนศาลหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเสียมเรียบ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้สักการะ และขอพร


ตามประวัติเล่าว่า องค์เจ็กกับองค์จอม เป็นพี่น้องกัน และมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างมาก วันหนึ่งหลังจากไปทำบุญกลับไปก็นอนหลับไม่ตื่นขึ้นมาอีก บิดามารดามีความเสียใจ และอาลัยกับลูกสาวทั้งสองคนอย่างมาก จึงได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นมาสององค์ องค์ใหญ่นามว่าองค์เจ็ก องค์เล็กเป็นน้องนามว่าองค์จอม เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเมืองเสียมราฐ ประชาชนที่นี่ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก

...ตรงนี้เมื่อถอดรองเท้าก็มีคนรับฝากรองเท้าด้วย ไม่กำหนดราคาให้เท่าไหร่ก็ได้...












วันที่ 11 ตุลาคม 2556 เดินทางต่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่โตนเลสาบ โตนเลสาบ (Tonle Sap) เป็นทะเลสาบน้ำจืดซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขง มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย เชื่อว่ามีแม่น้ำโขงไหลผ่านยาว 500 กิโลเมตร จากนั้นไหลเข้าสู่เวียดนามลงสู่ทะเลจีนใต้ นับว่าเป็นแม่น้ำนานาชาติ ระหว่างทางชมธรรมชาติข้างทาง ได้เห็นวิถีชีวิตโดยเฉพาะเรือนแพ ระหว่างนั่งเรือหนุ่มๆเค้าได้เปรียบขึ้นไปนั่งหลังคาเรือได้ชมธรรมชาติเต็มที่กว่า คงได้ภาพถ่ายสวยๆเยอะแน่เลย ระหว่างนั่งเรือตกใจมากเลยมีเรือขับแซงมาเอาเด็กเล็กๆมายืนข้างๆเรือเพื่อขอเงิน อันนี้ดีหน่อยคือมีเด็กๆมาขายของกิน เครื่องดื่ม แล้วก็มีเด็กๆมาให้บริการนวดพอให้เงินแล้วก็ไปนวดคนอื่นๆอีก ก็น่ารักดี ค่าตั๋วล่องเรือไม่ทราบราคาเท่าไหร่ ทัวร์จัดการให้ รับประทานอาหารค่ำ เป็นอาหารบุฟเฟ่ นานาชาติ อาหารให้เลือกกินไม่เยอะเท่าไหร่ ผลไม้ ก็เหมือนบ้านเรามีแตงโม สัปะรด มะม่วง ลำไย ลองกอง แปลกตรงที่ลองกองเค้าตัดที่หัวออกทุกลูก แล้วพริกเกลือกลิ่นแปลกๆ แต่รวมๆก็โอเค นอกจากนี้มีรายการแสดงรำด้วยไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นักแสดงชุดเดิม ใช้เวลาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายการแสดงชุดใหม่นานไปหน่อย บอกตรงๆสวยสู้รำของเด็กสร.ไม่ได้ค่ะและเข้าที่พักที่ CIty Angkor Hotel www.cityangkorhotel.com























พบตอนต่อไป ตอนที่ 3

วันที่ 10 ตุลาคม 2556 ออกเดินทางจากสุราษฎร์ธานี
วันที่ 11 ตุลาคม 2556 พิพิธภัณฑ์ โตนเลสาบ
วันที่ 12 ตุลาคม 2556 นครธม ปราสาทบายน ปราสาทตาพรหม
วันที่ 13 ตุลาคม 2556 พระใหญ่ น้ำตก
วันที่ 14 ตุลาคม 2556 เป็นวันเดินทางกลับ





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ