ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

....บันทึกการเดินทาง เสียมเรียบ ของกิติมา จูลี่เหมย..... ตอนที่ 4


....บันทึกการเดินทาง เสียมเรียบ ของกิติมา จูลี่เหมย.....

วันที่ 10 ตุลาคม 2556 ออกเดินทางจากสุราษฎร์ธานี
วันที่ 11 ตุลาคม 2556 พิพิธภัณฑ์ โตนเลสาบ
วันที่ 12 ตุลาคม 2556 นครธม ปราสาทบายน ปราสาทตาพรหม
วันที่ 13 ตุลาคม 2556 พระใหญ่ น้ำตก
วันที่ 14 ตุลาคม 2556 เป็นวันเดินทางกลับ

ตอนที่ 4

วันที่ 13 ตุลาคม 2556 เช้านี้ตื่นนอนเร็วกว่าปกติ ไม่ได้ใช้สูตร 6 7 8 แต่เป็น 5 7 8 คือตื่นตั้งแต่ตี 5 เก็บกระเป๋าสัมภาระต่างๆให้เรียบร้อย พร้อม Check out เช้านี้ คืนนี้พวกเราต้องไปนอนที่โรงแรม Angkoriana Hotel ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ www.angkorianahotel.com อยู่ใกล้ ประมาณ 1 Km กับ Angkor Night Market คืนนี้ได้ shopping แล้ว...ทานอาหารเช้าง่าย ๆ เหมือนเมื่อวาน ข้าวต้ม กาแฟ ขนมปัง น้ำส้ม...Check Out เรียบร้อยนำกระเป๋าไปกับรถด้วยเพื่อความสะดวก นั่งรถไปเส้นทางปราสาทบันทายสรี แต่วันนี้ไปไกลกว่าเมื่อวาน



เส้นทางก็ลำบากกว่าเมื่อวาน บางช่วงก็เป็นถนนดินแดง มีพระรับบิณฑบาตรเป็นระยะๆ ช่วงขึ้นเขา รถต้องใช้กำลังเยอะต้องปิดแอร์ เปิดหน้าต่างก็ไม่กล้าเปิดมากกลัวกิ่งไม้ ดีที่ออกเดินทางตั้งแต่เช้าอากาศไม่ร้อน...พอลงจากรถ ก็มีเด็กๆมาวิ่งตามตลอดทางที่พวกเราเดินไป ตอนแรกก็สงสัยว่าเด็กๆวิ่งตามมาทำไมจะมาขอเงินหรือป่าว...เด็กเค้ามีกติกาเป่ายิงฉุบใครชนะจะได้ไปรับบริการเฝ้ารองเท้าช่วงที่พวกคณะเราไปไหว้พระใหญ่กัน เด็กๆเค้าก็มีกฏเกณฑ์ปฏิบัติกัน น่ารักจัง ... ศิวลึงค์นับพันองค์อยู่ใต้น้ำ แต่วันนี้น้ำมากไหลแรงด้วย ดูไม่ค่อยชัด...




เดินต่อเพื่อไปดูจุดเริ่มต้นของน้ำตก...เก็บภาพถ่ายเป็นที่ระลึกได้หลายภาพ เช้าๆ นายแบบ นางแบบหน้าตาสดใสทุกคน...


หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระใหญ่ เด็กคนเมื่อกี้เค้ามารอทำหน้าที่อยู่แล้ว 11 คู่ๆละ 1000 เรียล เท่ากับ 10 บาท 11 คู่ก็ได้รายได้ไปแล้ว 110 บาท ไกด์แซวว่าต้องแบ่งรายได้กับไกด์เค้าบอกว่าได้ หลังจากไหว้พระใหญ่กันเรียบร้อยแล้ว

ก็ไปที่น้ำตกชั้น 1 2 3















และทานอาหารกลางวัน น่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองแท้ๆ แน่เลย ทั้งกลิ่นและรสชาดอาหารแปลก โดยเฉพาะไข่เจียวไม่ทราบเค้าใส่อะไรไปด้วยแตะกันคนละนิดพอรู้รสชาด แต่ที่อร่อยสุดก็คือผัดผักบุ้ง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับเข้าเมืองซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ทีมตากล้องต้องการจะเข้าไปถ่ายภาพเพิ่มเติมที่ปราสาทนครวัด ต้องไปทำบัตรเข้าชมใหม่อีกคนละ 20$ ส่วนคณะที่เหลือก็ไป Shopping ที่ Angkor Night Market มีเวลา Shopping 1 ชั่วโมง ได้ของที่ระลึกกันมาคนละเล็กละน้อย การซื้อของต้องต่อรองราคาพอสมควรนะ ใช้เงินไทยได้เลยค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ผ้าพันคอลายอังกอวัด แม่ค้าบอก 200 บาท ต่อรองได้ 40-50 บาท หลังจากนั้นต้องไป Check in ที่โรงแรม Angkoriana Hotel รอคณะที่ไปถ่ายภาพกลับมาก่อนค่อยออกไปอีกครั้ง

หัวค่ำฝนตกอย่างหนัก พวกเราเลยทานอาหารที่โรงแรมเลย มือนี้อร่อยด้วยสปาเก็ตตี้อาหารอร่อยมากขอบอก ทานอาการเสร็จฝนหยุดตก ทุกคนเตรียมพร้อมออกไป Shopping ก็แบ่งเป็น 2 คณะอีกแล้ว คณะแรกเดินจากโรงแรมไปตลาด อีกคณะนั่งรถสามล้อ ค่ารถ 100 บาท ให้ทายซิว่าเค้าไปคณะไหน 555....ไปถึงก็เริ่ม shopping อีกเล็กๆน้อยๆ ต้องต่อรองราคาเยอะๆ กลับที่พักพักผ่อน...วันนี้ก็เป็นวันแห่งความสุขอีกเช่นเคย


ในภาษากัมพูชา พนม หมายถึง ภูเขา กุเลน หมายถึง ต้นลิ้นจี่ ชื่อนี้ได้มาจากบริเวณนั้นมีต้นลิ้นจี่มากนั่นเอง มเหนทรบรรพต หรือ เขาพนมกุเลน ในปัจจุบัน เป็นเทือกเขาสูงทอดยาว พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ได้สถาปนาศูนย์กลางเมืองหลวงขึ้นพร้อมๆ กับที่ได้สถาปนาลัทธิเทวราชาขึ้น เพื่อความต้องการทางการเมืองให้หลุดพ้นจากอำนาจของชวา มีการประกอบพิธีกรรมโดยเชิญพราหมณ์มาเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมดังกล่าว

ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บอกว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงประทับอยู่ที่เขาพนมกุเลนนานเท่าไร แต่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าคงไม่นานเพราะเป็นภูเขาสูงชัน ภูมิประเทศจึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นเมืองหลวงเท่าใดนัก ในที่สุดพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ก็เสด็จกลับมาครองราชย์ที่หริหราลัยอีก ประทับอยู่จนถึงวันสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ ก็เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.1393 ภายหลังการเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงได้รับพระนามว่า ปรเมศวร หลังจากนั้นไม่มีกษัตริย์ขอมองค์ใดย้ายเมืองหลวงมาบนเขาพนมกุเลนอีกเลย หลังจากนั้นมาอีก 300 ปี จึงมีการสร้างมหาปราสาทนครวัดขึ้น ร่องรอยของปราสาทบนเขาพนมกุเลนจึงพบเป็นปราสาทหลังเล็กๆและมีสภาพทรุดโทรมลงมาก มีเพียงแต่ศิวลึงค์ที่ถูกแกะสลักอยู่ใต้น้ำนับพันอันที่ยังคงสภาพดีอยู่


ศิวลึงค์นับพันองค์อยู่ใต้น้ำ ศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย บูชาศิวลึงค์ว่าเป็นต้นกำเนิดของสรรพชีวิต ศิวลึงค์นั้นก็คืออวัยวะเพสชายใช้แทนพระศิวะ และฐานโยนีที่ล้อมรอบศิวลึงค์ ก็คืออวัยวะเพศของเพศหญิง ซึ่งก็คือนางอุมาเทวีชายาของพระศิวะนั่นเอง ชาวฮินดูเชื่อว่าตราบใดที่อวัยวะทั้งสองยังอยู่ด้วยกัน ตราบนั้นโลกจะอยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรืองสำหรับการบูชาศิวลึงค์นั้น พราหมณ์จะเป็นผู้นำน้ำมาราดบนศิวลึงค์และน้ำที่รดนั้นจะไหลออกไปที่ช่องโยนี ลงไปสื่อโสมสูตรผู้คนที่มารองรับน้ำนี้ไปกินเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยได้


การประกอบพิธีด้วยการทำน้ำศักดิ์สิทธิ์ กระทำไม่บ่อยนัก โดยปกติแล้วแท่นศิวลึงค์จะถูกประดิษฐานไว้บนปรางค์ประธานของปราสาท ต่างๆ เมื่อกระทำพิธีเศกน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงได้ปริมาณน้ำที่ไม่มากนักในขณะที่ชาวเมืองต่างพากันมารองรับน้ำกันมากมาย พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงเห็นว่าเป็นความยุ่งยากและไม่ทั่วถึง จึงเกิดความคิดทำให้แม่น้ำเสียมเรียบกลายเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เสมือนแม่น้ำคงคา พระองค์จึงโปรดให้สร้างศิวลึงค์อยู่ใต้น้ำเสียเลยเมื่อน้ำไหลผ่านรูปแกะสลักศิวลึงค์ใต้น้ำ จึงเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ให้ผู้คนมารองรับไปกิน หรือนำไปฝากญาติมิตรที่อยู่ห่างไกลออกไปได้สะดวก


ศิวลึงค์ที่อยู่ใต้น้ำที่เป็นช่วงต้นแม่น้ำเสียมเรียบนี้อยู่บนเขามีภูมิประเทศเป็นหินทรายอยู่ใต้น้ำยาวหลายร้อยเมตร ขอมโบราณได้ขุดทางเดินสายน้ำใหม่เป็นทางเบี่ยงให้ลงไปอีกทางหนึ่ง เพื่อจะให้บริเวณที่จะทำการแกะสลักศิวลึงค์ใต้น้ำได้สะดวก เมื่อการแกะสลักเรียบร้อยแล้วจึงกลบ ทางเบี่ยงนั้นแล้วปล่อยให้น้ำไหลตามเดิม


สำหรับศิวลึงค์ที่อยู่ใต้น้ำมีมากถึงหนึ่งพันองค์ซึ่งใช้แทนฤาษีหนึ่งพันตน นอกจากศิวลึงค์แล้วยังมีรูปวิษณุเทพถูกแกะสลักอยู่ด้วยกัน

พนมกุเลนเป็นที่ตั้งของมเหนทรบรรพต มเหนคร หมายถึง พระศิวะ ส่วนบรรพตนั้นหมายถึง ภูเขา ความหมายของเมืองจึงเป็นที่อยู่ของพระศิวะ พนมกุเลนจึงเป็นนิมิตรรูปของเขาพระสุเมรุราชที่มี 109 ยอด ยอดสูงสุดคือยอดเขาไกรลาศ เป็นที่อยู่ของพระศิวะ และพระนางอุมาเทวี และพนมกุเลนยังเป็นสัญลักษณ์ของเขาหิมาลัย ที่มีแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลลงมาจากธารสวรรค์


น้ำตกพนมกุเลน หลังจากชมความมหัศจรรย์ของศิวลึงค์พังองค์แล้ว สายน้ำที่ไหลลดหลั่นลงสู่ที่ต่ำยังก่อให้เกิดชั้นน้ำตกสวยงามถึงสองชั้นด้วยกัน ชั้นแรกเป็นน้ำตกชั้นเล็ก ดูสวยงาม น้ำไหลลงเป็นม่านท่ามกลางราวไพรที่โอบล้อม ส่วนชั้นช่างมรทางเดินเลาะลงไปเล็กน้อยจะพบชั้นน้ำตกสูง สถานที่นี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเขมร


วัดพระองค์ธม นอกจากการได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์หรือที่ใครๆ ขนานนามว่าเทวาลัยใต้น้ำแล้ว ยังมีศาสนสถานอีกแห่งหนึ่งที่น่าไปชม คือวัดพระองค์ธม หรือวัดพระองค์ใหญ่นั่นเอง อยู่บนยอดสูงสุด ห่างจากน้ำตกไม่ไกลนัก พระพุทธรูปนี้เดิมทีเป็นก้อนหินขนาดใหญ่และถูกแกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขึ้น โดยฐานยังเป็นก้อนหินอยู่ การขึ้นไปชมนั้นต้องปีนบันไดสูงสิบกว่าเมตรไปยังโบสถ์ลอยฟ้า ที่สร้างขึ้นไว้คลุมองค์พระ และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม เห็นราวป่าเขียวชอุ่มพระพุทธรูปนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1701 ในรัชสมัยพระเจ้าศรีสุคฯธบุตรและพระเจ้าองค์จันทร์ที่ 1

พบตอนต่อไป ตอนที่ 5

วันที่ 10 ตุลาคม 2556 ออกเดินทางจากสุราษฎร์ธานี
วันที่ 11 ตุลาคม 2556 พิพิธภัณฑ์ โตนเลสาบ
วันที่ 12 ตุลาคม 2556 นครธม ปราสาทบายน ปราสาทตาพรหม
วันที่ 13 ตุลาคม 2556 พระใหญ่ น้ำตก
วันที่ 14 ตุลาคม 2556 เป็นวันเดินทางกลับ






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ