ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ท่องเที่ยว ณ JEJU เกาหลีใต้

2-6 เมษายน 2558



เกาะเชจู เมืองมรดกโลก ที่องค์การ UNESCO ให้รางวัลเกาะเชจูเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลก The World's new 7 wonders of nature เพราะเกาะเชจูเป็นเกาะที่เกิดใหม่จากภูเขาไฟ

วันที่ 2 เมษายน 2558
ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 น.ใช้บริการ Driver กิตติมศักดิ์คนเดิมอีกเช่นเคย พี่ตุ๊พี่สาวที่น่ารักนั่นเองให้บริการทุกครั้งไม่เคยบ่น น่ารักจังพี่สาวเรา ถึงโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา รอรับพี่สมชาย และน้องตี๋ เพื่อนร่วมเดินทางไป เจจู ทริปนี้ค่ะ สมาชิก 20 คนนำทีมโดยพี่ตู่กับพี่ยิ่งค่ะ บางส่วนก็เดินทางล่วงหน้าไปกทม.ก่อนแล้ว สำหรับคณะที่เดินทางวันนี้ นัดกันที่สนามบินสุราษฎร์ธานี เดินทางไปกรุงเทพมหานครด้วยเที่ยวบิน DD7213. Nok Air เวลา 14.20 ถึง กทม.เวลา 15.30 มีเวลาเหลือเฟือทัวร์นัดรวมพลกันเวลา 23.00 ตัดสินใจเดินทางด้วย Shuttle Bus ฟรี 


เจ้าหน้าที่ขอตั๋วพวกเราไม่มีแต่ใช้ตารางการเดินทางไปเกาหลีได้รถออกเวลา 16.00 น. ฟรีแต่ว่าร้อนมากๆ แต่ก็อดทนล่ะประหยัดค่า taxi ไปเกือบพันบาทเพราะถ้าเดินทางด้วย Taxi จะต้องใช้ 2 คัน ร้อนหน่อยก็ถือว่าคุ้มล่ะ ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 17.30 น.หาที่นั่งรอเวลาที่ชั้น1 นั่งเพลินๆ ก็ถึงเวลานัด


คณะเดินทางพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณชั้น 4 ชั้นผู้โดยสารขาออกเคาน์เตอร์สายการบิน EASTAR JET(Boeing 737-800) ใกล้ประตูทางเข้าหมายเลข 6 เคาน์เตอร์เช็คอิน K เที่ยวบิน ZE552  คุณจ๋ากับทีมงานมาให้การต้อนรับ เป็นเครื่องเหมาลำของเกาหลี มีถึง 5 บัสทีมพวกเราอยู่บัส 5 จำนวน 20 คนรวมกับสมาชิกอื่นอีกรวม 32 คน 


แต่ละบัสมีสัญลักษณ์ ป้ายหมายเลขบัสให้สมาชิกทุกคนติดที่อกเสื้อ

รับเอกสารบัตร Imgration ไทย ขาออกและขาเข้าจากเจ้าหน้าที่บริษัท สบายเหลือเกิ้นไม่ต้องกรอกข้อมูลเองบริษัทกรอกให้ทั้งหมดเซ็นชื่ออย่างเดียวย้ำนะคะเซ็นให้เหมือนพาสปอร์ตนะคะ อีกอย่างคือ Arrival Card. และ Traveller Declaration Form เป็นเอกสารสำหรับเข้าประเทศเกาหลี ปกติแอร์โฮสเตสจะแจกแบบฟอร์มให้บนเครื่องบินให้ผู้โดยสารกรอกแบบฟอร์ม และเซ็นชื่อให้ตรงกับพาสปอร์ต 

คำอธิบายเพิ่มเติม....
Thai immigration มี 2 ใบคือ
ขาออก Departure Card ใช้ประกอบกับพาสปอร์ต เพื่อออกนอกประเทศ
ขาเข้า Arrival Card ใช้ประกอบกับพาสปอร์ต เพื่อเข้าประเทศ
ข้อมูลที่ต้องกรอกไม่เยอะ มีชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด เพศ สหมายเลขพาสปอร์ต ที่อยู่ เขียนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ กรอกไม่ยากเมื่อท่านเดินทางออกนอกประเทศแนะนำให้ท่านกรอกข้อมูลต่างๆด้วยตนเอง หรือถ้าทัวร์กรอกให้ทั้งหมด. ท่านควรอ่านรายละเอียดให้ครบทุกช่องนะคะ

 เอกสารสำหรับเข้าประเทศเกาหลี.....
ปกติท่านจะะได้รับจากแอร์โฮสเตสบนเครื่องแต่การเดินทางครั้งนี้ทางทัวร์ได้กรอกให้เรียบร้อยแล้ว ลงลายมือชื่อให้เหมือนพาสปอร์ตเพียงเท่านั้นขอย้ำอีกเช่นกันขอให้ท่านศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจกับข้อมูลด้วยนะคะ
 Arrival Card มีข้อมูลที่ต้องกรอก ชื่อ สกุล เพศ วันเดือนปีเกิด เชื้อชาติ ที่อยู่ในประเทศเบอร์โทรในเกาหลี อาชีพ สาเหตที่เข้ามาประเทศนี้  หมายเลขพาสปอร์ต หมายเลขเที่ยวบิน และ ชื่อสถามบิน
Traveller Declaration Form กรอกข้อมูลคล้ายๆ Arrival Card.และเลือกรายการสิ่งของต้องสำแดงให้เลือกที่ No ทุกข้อ 
รายการอื่นๆท่านต้องอ่านและตอบให้สมบูณ์นะคะ

การเช็คอินถ้าต้องการนั่งด้วยกัน 3 คนให้รวมพาสปอร์ตไว้ด้วยกันและยื่นพร้อมกัน
เครื่องเหมาลำ low cost ขนาดเท่าๆกับเครื่อง low cost ในเมืองไทยแต่ละแถวแยก 3-3 เท่านั้น สมาชิกเช็คอินเรียบร้อยเสร็จประมาณเที่ยงคืน 

ขั้นตอนต่อไปก็คือการผ่านด่าน Immigration 
ขั้นตอนแรกต้องขึ้นบรรไดไปชั้นบนเพื่อผ่านการ scan จุดนี้ scan ละเอียดมาก เสร็จแล้วก็เดินลงมาชั้นล่างเลี้ยวซ้ายสำหรับคนไทย ถ้าเลี้ยวขวาสำหรับชาวต่างชาติ ผ่านด่านเป็นระบบอัตโนมัติ ก็เร็วดีแต่บางครั้งก็มีปัญหาบ้างเหมือน จุดแรกยื่นบัตร departure card ให้เจ้าหน้าที่ เปิดหน้าพาสปอร์ตที่มีภาพถ่ายคว่ำ ประตูจะเปิดให้เข้าไปทำขั้นตอนต่อไปที่พื้นมีรอยเท้าให้เหยียบบนรอยเท้า ตามองกล้องถ่ายภาพ ยืนนิ่งๆถ่ายภาพอัตโนมัติ หลังจากนั้นให้วางนิ้วชี้บนที่วาง วางให้เต็มนิ้วอย่ากดแรงไป ประตูจะเปิดอัตโนมัติ เสร็จขั้นตอนการผ่านด่านตรวรคนเข้าเมือง



ใน Boarding Pass แจ้งว่าเครื่องออก 02.35 Gate C6 แต่ว่าเครื่อง delay 1 ชั่วโมงและเปลี่ยนเป็น Gate C7 ถือว่าเป็นประสบการณ์อีกเช่นกันถึงแม้ว่าจะมีการแจ้ง Gate แล้วก็ตามผู้โดยสารควรตรวจสอบจาก Monitor อีกเป็นระยะเพื่อประโยชน์ของท่านเอง ได้เวลาเดินทางใช้เวลา 4.30 ชั่วโมงในการเดินทาง ถึงเชจู 8.30+ 2 ชั่วโมงเนื่องจากเกาหลีเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง ขณะนี้เวลาในเกาหลี 10.30 น.

วันที่ 3 เมษายน 2558
ถึงสนามบินเชจู ประเทศเกาหลี 
ขั้นตอนการผ่านด่าน immigration 
นำเอกสาร Arrive Card ใส่ในพาสปอร์ต ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่  มองกล้องถ่ายภาพ และวางนิ้วชี้ที่แท่นวาง ขอย้ำอีกครั้งนะคะฟังขั้นตอนและทำตามนะคะ หลังจากนั้นก็ผ่านการ scan กระเป๋า และรับกระเป๋าเรียบร้อย

และออกมาพบกับไกด์ที่มารอรับสมาชิกแต่ละบัส บัส 5 ไกด์ชื่อน้องปอ. ผู้ช่วยชื่อ สมชาย แนะนำตัวกันเรียบร้อยพร้อมเดินทางต่อแล้วล่ะกว่าจะทำกิจกรรมต่างๆเสร็จเรียบร้อยก็ไปรับประทานอาหารรวมเช้ากับเที่ยงเลย

เมนูบีบิมบับ (Bibimbap+Soap) หรือข้าวยำเกาหลี ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะประกอบไปด้วยเครื่องปรุงที่เป็นผักนานาชนิด อุดมไปด้วย วิตมิน โดยนำข้าวไปย่างบนชามหินแล้วโรยผักต่างๆอาทิ แครอท เห็ด หัวไชเท้า แตงกวา มันฝรั่ง ผักกาดขาวพร้อมไข่ดิบ ราดด้วยน้ำซอส แล้วนำมายำรวมกันในขณะถ้วยยังร้อนทานพร้อมน้ำซุปร้อนๆ อร่อยมากค่ะ

สถานที่ 1 ภูเขาฮัลลาซาน 
เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้  เป็นภูเขาไฟที่ดับไปนานแล้วซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเกาะส่วนใหญ่ในเชจู ภูเขาฮัลลาซานมีความสูง 1,950 เมตร และได้รับแต่งตั้งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ World Nature Heritage Site




สถานที่ 2 สำหรับวันนี้คือ. HELLO KITTY ISLAND JEJU 
มีการจัดนิทรรศการแสดงเรื่องราว Hello Kitty หลากหลายเวอร์ชั่น มีการจัดมุมต่างๆน่ารักมาก 









สถานที่ 3 พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลลอค O'Sulloc Tea House
ดินแดนที่ได้รับของขวัญจากธรรมชาติ ทำให้เป็นที่ปลูกชาเขียวคุณภาพสูง เป็นสถานที่แสดงประวัติและวัฒนธรรมการผลิตชาเขียวอันหลากหลาย รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากชาเขียวเช่น เค้กชาเขียว. ไอศกรีมชาเขียวและแผ่นมาส์กหน้าชาเขียว ได้กินไอศกรีมชาเขียวกับอากาศเย็นๆอร่อยมาก 

นอกจากได้กินไอศครีมอร่อยๆ ยังได้ชมความสวยงามของดอกซากุระ สวยมากๆ



ด้านฝั่งตรงข้ามถนน มีไร่ชาเขียวที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ที่ขาดไม่ได้ก็คือถ่ายภาพที่ระลึกคู่ดับถ้วยชาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไร่ชาเขียวที่นี่



สถานที่ 4 ทุ่งดอกยูเซ หรือทุ่งดอกเรป บานเหลืองอร่าม 



สถานที่ 5 วัดซันบังซา Sanbabgsa Temple ตั้งอยู่บนเขาซันบังและอยู่ใกล้กับวัดโบมุนซาใช้เวลาเดินขึ้นไปยังวัดประมาณ 10-15 นาที
ระหว่างทางขึ้นจะได้ยินเสียงพระสวดมนต์ ภายในวัดจะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเล 

รับประทานอาหารเย็นด้วยเมนู โอซัมพลุโกกิ Osam Bulgogi มีส่วนผสมของเนื้อหมูและปลาหมึก โดยนำลงผัดคลุกเคล้ารวมกัน เสิร์ฟพร้อมกิมจิและเครื่องเคียงหลากหลาย





สถานที่ 6 น้ำตกซอนจียอน 
น้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผารูปต่างๆทำให้เกิดเสียงราวกับฟ้าคะนอง สายน้ำตกไหลลงสู่แอ่งน้ำรวมกับแสงสะท้อนเปรียบได้กับการรวมทั้งผืนฟ้าและผืนดินเข้าด้วยกัน พวกเรามาถึงน้ำตกก็มืดซะแล้วตอนแรกก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงมืดแล้วจะมองเห็นอะไรหรือป่าว พอลงจากรถสิ่งที่สัมผัสได้สิ่งแรกก็คืออากาศเย็นมาก ใกล้ๆที่จอดรถก็จะมีร้านขายของที่ระลึกและของกินเช่นปลาหมึกเส้น ปลาหวาน เค้าให้ชิมอืมอร่อยดีเดี๋ยวจะกลับมาซื้อกิน ระหว่างทางที่เดินไปน้ำตก เค้าตกแต่งระบบไฟสวยงาม ทางเดินก็สบาย ยังคิดในใจเลยว่าคนเกาหลีเก่งมาก การจัดการดี สามารถทำให้การเที่ยวน้ำตกกลางคืนก็ได้ความสวยงามอีกแบบ
เข้าที่พักที่ Orange Hotel ใกล้ๆกับน้ำตกซอนจียอน โรงแรมไม่ใหญ่มากแต่สะอาดมากๆๆ พักห้องหมายเลข 210

วันที่ 4 เมษายน 2558
วันนี้ใช้สูตร 6-7-8  (ปลุก-ทานอาหาร-เดินทาง) รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ต้องเก็บจานเองด้วยนะคะ เค้าไม่มีพนักงานบริการกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ก็คือเก็บภาพถ่ายสวยๆหน้าโรงแรม เสียดายไม่ได้เดินไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆโรงแรมดอกซากุระสวยมาก พรุ่งต้องไปพลาดไม่ได้...




สถานที่ 1 ร้านน้ำมันสนแดง
มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติผ่านผลงานการวิจัยมากมายจากมหาวิทยาลัยกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นสมุนไพรสกัดจากใบของต้นสนเข็มแดง มีสรรพคุณช่วยลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด สามารถล้างสารพิษในร่างกายได้เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน ไมเกรน มือเท้าชา อัมพาตและผู้ที่ต้องการลดความอ้วน 


สถานที่ 2 ยอดเขา ซองซานอิลชุงโบล 
ปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเหมือนมงกุฎ เป็นสถานที่โด่งดังที่ผู้คนมาขอพรและชมพระอาทิตย์ขึ้น เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ทางธรรมชาติของโลก มีบรรไดให้เดินขึ้นไป ใช้เวลาเพลิดเพลินกับการเดินขึ้นรวมถ่ายภาพสวยๆ เกือบ 1 ชั่วโมง บางจุดก็ชันมากเมื่อยจนแทบจะก้าวขาไม่ออก เย้ๆแต่ก็ไปถึงจนได้ 






ขากลับทางลาดเดินสบายมากรู้งี้เดินขึ้นทางนี้ก็ดีล่ะซิ




ระหว่างรอคณะไอติมกีวี กับขนมไม่ทราบชื่อเหมือนกันคล้ายๆขนมผิงแต่จะเป็ลูกกลมๆเรียงเป็นแผ่นมีหลายแบบ แบบแรก original. แบบที่ 2 honey&peanut. แบบที่ 3 chocolate&peanut แบบ 1 และ แบบ 2 เป็นแบบร้อน แบบที่ 3 เป็นแบบเย็น อร่อยมากๆ 

สถานที่ 2 ซอฟจิโกจิ
เป็นทุ่งหญ้ากว้างติดทะเล มีโขดหินรูปร่างแปลกๆ มีร้านขายอาหารทะเล นั่งเล่นด้านล่างไม่ได้ขึ้นไปหรอกดูโขดหินแปลกมากมายสวยเีเหมือนกันนะ







รับประทานอาหารกลางวัน เมนู พลุโกกิ Bulgogiลโกกิ  อาหารขึ้นชื่อของเกาหลีเหมือนกัน ส่วนผสมจะมี เช่น เนื้อวัว (หรือเนื้อหมู) น้ำลูกแพหรือน้ำตาล ซอสถั่วเหลือง กระเทียมสับ หัวหอมหั่นลูกเต๋า น้ำมันงา วิธีทำคือ หั่นเนื้อหรือหมูเป็นชิ้นบางๆ แล้วหมักกับเครื่องปรุงต่างๆก่อนนำไปย่าง พุลโกกินั้นจะทานได้สองแบบคือแบบย่างและต้ม ห่อกับผักอร่อยมากเลยค่ะ



สถานที่ 3 การแสดงม้า Pony Valley
แสดงโดยนักขี่ม้ามืออาชีพและม้าที่ถูกฝึกมาอย่างดีให้แสดงท่าทางและอารมณ์ตามผู้ฝึก การแสดงเล่าเรื่องราวต่างๆ เรื่องแจงกีสข่าน โชว์กายกรรมบนหลังม้า



สถานที่ 4 หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ (Seongeup Folk Village)
     หมู่บ้านพื้นเมืองซงอับ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชจูไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 35 กิโลเมตร เป็นเขตอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านที่รัฐบาลอนุรักษ์ไว้ เนื่องจากในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้ใช้เป็นศูนย์กลางด้านการปกครองของเกาะเชจูมาก่อน ภายในมีบ้านซึ่งเคยใช้เป็นหน่วยงานราชการอยู่หลายหลัง ตัวบ้านสร้างด้วยหินลาวาภูเขาไฟปิดช่องว่างด้วยดินเหนียว มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก และล้อมรอบด้วยกำแพงหินอย่างในสมัยโบราณ บ้านในแต่ละตระกูลจะคล้ายกับบ้านจีนโบราณ คือมีบ้านหัวหน้าหลังหนึ่งซึ่งมีลักษณะพิเศษกว่าหลังอื่น และล้อมรอบด้วยบ้านบริวารอีกหลายหลัง ที่นี่จะมีไกด์สาวของที่หมู่บ้านนี้เป็นคนอธิบายคู่กับไกด์ของเรา ของที่ขายที่นี่จะเน้นหลักๆคือกระดูกม้า 
โอมิจา (เป็นน้ำที่ทำจากตระกูล berry เข้มข้น เอาไปผสมน้ำแล้วดื่ม หวานๆอร่อยดี) สรรพคุณของ Omija คือ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxidant   มีการศึกษาทาด้านเภสัชวิทยาในสัตว์ว่ามันเพิ่มความสามารถในการทำงานทางกายภาพและป้องกันความเครียดจากปัจจัยอันตรายต่าง ๆ มากมาย  นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องของภาวะ Heat shock เช่น หนาวเกิน, เย็นเกิน, ผิวหนังไหม้, น้ำร้อนลวก, น้ำแข็งกัด, การเคลื่อนไหวที่ลำบาก หรือการขยับร่างกายไม่ได้, ดำน้ำลงลึกเกินไป,แผลอักเสบ,โดนรังสีหรือกระทั่งถูกพิษจากโลหะะหนัก    และที่สำคัญคือสารสกัดมันมีฤทธิ์เป็น  phytoadaptogen  แล้วมีผลในเรื่องของระบบประสาทส่วนกลาง,  ระบบประสาทพิมพาทติก, ระบบต่อมไร้ท่อ, ระบบหายใจ, ระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงระบบทางเดินอาหารเลยทีเดียว 


หินปู่แบบในรูปนี้จะมีให้เห็นทั่วทั้งเกาะเชจู เป็นหินปู่ทั้งคู่ ถ้าอยากขอลูกชายลูบจมูก ขอลูกสาวลูบปาก ขอให้ร่ำรวยเงินทองลูบพุง อยากขอทุกอย่าง ก็ลูบไปให้ทุกแบบนะคะ
รับประทานอาหารค่ำด้วยเมนูคาลบิ Kalbi อาหารเกาหลีแบบปิ้งย่างที่มีชื่อเสียง เป็นการนำหมูมาหมักกับเครื่องปรุงจนเนื้อนุ่มแล้วนำไปย่างบนแผ่นโลหะที่ถูกเผาจนร้อน ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นขนาดพอดีคำทานคู่กับผักสด กระเทียม กิมจิ และเครื่องเคียงหลากหลาย



สถานที่ 4 ศูนย์รวมเครื่องสำอาง
สาวๆ กระดี๊กระด๊ากันใหญ่ รวมผลิตภัณฑ์ความงาม เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า Dr.Closee. ครีมหอยทาก ครีมเซนั่มพิษงูและอื่นๆอีกมากมาย ถ้าซื้อรวมๆกันจะได้ราคาถูกลงเยอะ แถมได้คืนภาษีด้วย ได้ของถูกใจ

เข้าพักที่พักเดิม Orange Hotel
วันที่ 5 เมษายน 2558
วันนี้ไกด์ใจดีใช้สูตร 7 8 9 ดีจังจะได้เดินไปที่สวนสาธารณะด้านหน้าโรงแรมถ่ายรูปกับดอกซากุระ ซะหน่อย เมื่อวานพลาดโอกาสซะได้ สวยมากเลยค่ะ เสียดายที่ท้องฟ้ามืดไม่มีแสงแดดเลย พื้นเลยเปียกๆเพราะเมื่อวานฝนตกเป็นระยะๆ แต่ก็สวยนะ






สถานที่ 1 ศูนย์โสม
ซึ่งรัฐบาลรับรองคุณภาพว่าผลิตโสมที่อายุ 6 ปีซึ่งถือว่าเป็นโสมที่มีคุณภาพดีที่สุด ได้ชมวงจรชีวิตของโสม เลือกซื้อผลิตภัณฑ์โสมกันตามความสนใจ ตัดสินใจซื้อโสมผง สำหรับใส่ผสมอาหารที่รับประทาน หรือไม่ก็นำไปผสมกับโลชั่นใช้บำรุงผิวได้ มีแถมชาโสมเป็นซองๆมาด้วยค่ะ




สถานที่ 2 ร้านสมุนไพร Korea Herb 
ใหม่ล่าสุดของเกาหลี โดยมีการจดลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้วเป็นสมุนไพรฮ๊อกเกต ทางการแพทย์เรียกว่า ผลไม้ทอง มีรสเปรี้ยว ดีสำหรับบุคคลที่นิยมดื่มเหล้า ชา กาแฟ น้ำอัดลม เมล็ดฮ๊อกเก็ต จะช่วยในการล้างสารพิษตกค้างหรือไขมันที่สะสมอยู่ภายในผนังของตับหรือไต ช่วยให้ตับหรือไตแข็งแรง 
เดินลงมาด้านล่างจะเป็น Supermarket มีของที่ระลึก เครื่องสำอางค์ ขนม ที่นี่ได้ซื้อของนิดหน่อยเป็นที่ระลึก ยาทาเล็บ ตะเกียบกับช้อนเกาหลี ซื้อนมกล้วยทาน ระหว่างรอคณะซื้อของและแพ็คของลงกล่อง  ตรงนี้ใช้เวลานานมาก บ่ายเลยนะนี่ 


รับประทานอาหารกลางวันด้วยเมนู จิมดัก Jim Dak เป็นเมนูเนื้อไก่โตผัดกับวุ้นเส้นเกาหลีเหนียวนุ่ม ทานกับน้ำซุป เสร์ฟพร้อมข้าวสวยพร้อมกิมจและเครื่องเคียงหลากหลายชนิด


สถานที่ 3 ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี ชิลล่าดิวตี้ฟรี Shilla Duty Free





สถานที่ 4 ยงดูอะมร็อค หรือโขดหินหัวมังกร
โขดหินรูปมังกร อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติของเกาะเชจู เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำและคลื่นลมทะเล เกิดเป็นประติมากรรม ซึ่งถือได้ว่าถ้าใครไม่ได้มาเยี่ยมชมถือว่าไม่ถึงเกาะเชจู ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ให้หินมีลัษณะพิเศษ เหมือนกับมังกรกำลังอ้าปากส่งเสียงร้องและทะยานจากฟ้าสู่ท้องทะเล




สถานที่ 5 ดาวทาวน์เมืองเชจู
อยู่ชั่นใต้ดินใกล้ๆพรราชวังฤดูร้อน แหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังบนเกาะเชจู เช่น ETUDE. Skin Food. New Balance. เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า กะจะใช้เงินวอนให้หมดแต่ก็ไม่ถูกใจ ที่ถูกใจก็ราคาสูงเงินที่มีก็ไม่พอ ซื้อไปนิดหน่อย
ถึงเวลานัดไปสนามบิน ก่อนจัดกระเป๋า ไปยื่นเพื่อ stamp. Tex  refund. ก่อนแล้วค่อยเข้าไปรับเงินหลังจากผ่านด่าน ตม.
อย่าลืมต้องกรอกข้อมมูลด้วย ชื่อ สกุล หมายเลขพาสปอร์ต สัญชาติและลงลายมือชื่อด้วยนะคะ
สำหรับซองสีฟ้าขาวสามารถแลกเงินคืนได้ตามสถานที่คืน tax refund ที่มีในเมืองพร้อมแสดง credit card ประกอบแต่ต้องนำใบเสร็จสีเหลืองมายื่นที่สนามบินด้วยไม่งั้นจะถูกปรับ

สั่งซื้อสาหร่ายกับไกด์ไว้ต้องมาแพ็คของอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เช็คอิน ขั้นตอนไม่ยุ่งยากอะไรแล้ว


 หลัง scan. ก็ผ่านด่าน ตม. แบบอัตโนมัติ วางพาสปอร์ตคว่ำด้านที่มีรูป ประตูเปิดออก เข้าไปยืนในตำแหน่งที่กำหนด ตามองกล้อง วางนิ้วชิ้บนที่วาง ประตูเปิด เสร็จขั้นตอน ปัญหามีอยู่ว่ายังมีเงินเหลืออยู่ Shop อีกครั้งหมดเกลี้ยง ได้แฮนด์ครีมสำหรับพกใส่กระเป๋า
ตามกำหนดเครื่องจะออกเวลา.21.30 ดีเลย์เป็น 22.00 น. ที่สำคัญเกตที่แจ้งใน Boarding Pass.จากเดิม 17 เปลี่ยนมาเป็น 14 ดีนะที่สนามบินไม่ใหญ่เกตที่เปลี่ยนก็ไม่ไกล อย่างที่เคยบอกตอนต้นแล้ว ใน Boarding Pass แจ้งไว้คอนเช็คอิน อย่าเชื่อต้องเช็คเองอีกนะคะเพื่อความมั่นใจ







ใช้เวลาเดินทาง 4.30 ชั่วโมง ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 3.00-2 ชั่วโมง ต้องปรับเวลาย้อนไปอีก 2 ชั่วโมง ผ่านด่าน ตม. มีทั้งแบบธรรมดาและแบบอัตโนมัติ สะดวกดีนะคะ รอกระเป๋าพักใหญ่ๆ กว่าจะเสร็จก็เกือบตีสอง ล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินทางต่อไปสนามบินดอนเมือง 

วันที่ 6 เมษายน 2558
เช้านี้มีสิ่งที่ประทับใจแท็กซี่มากเลย นั่งจากสุวรรณภูมิไปสนามบินดอนเมือง แท็กซี่ขับเลยทางที่จะเข้าไปสนามบินดอนเมือง ต้องขับเลยไปแล้วยูเทิร์นกลับ หาทางเข้าแต่ผ่านทางชั้นล่างเป็นขาเข้าจะลงแล้วแต่แท็กซี่บอกว่าไม่เป็นไปเดี๋ยวจะวนไปส่งที่ขาออก  แต่ทางขาออกปิดก็เลยต้องลงด้านล่างนั่นแหละ พอลงรถแท็กซี่ก็ลงมาดูว่าลืมอะไรบ้างแล้วบอกว่าเค้าไม่คิดเงินค่าบริการ 50 บาทและไม่คิดเงินที่พาเราวน เห็นมั๊ยแท็กซี่ดีๆก็มีนะคะ 
เดินทางถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
Happy Trip. Happy Time 
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ