ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 1 ท่องเที่ยวดาร์จีลิ่ง สิกขิม ประเทศอินเดีย


สิกขิม Sikkim เป็นรัฐที่เล็กที่สุดรองจากรัฐกัวหรือโคอา ในประเทศอินเดีย มีพื้นที่ทั้งสิ้น 7,098 ตารางกิโลเมตร มีเมืองหลวงชื่อ กังต๊อก Gangtok สิกขิม มียอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาคันชังจุงก้า Khangchendzonga เดิมมีความสูงถึง 8,598 เมตร สูเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากยอดเขาเอเวอร์เรสที่สูง 8,848 เมตรและยอดเขาเคทูที่สูง 8,611เมตร

ตอนที่ 1
วันที่ 2-3 พฤษภาคม 2558 
สุราษฎร์ธานี  กัลกัตตา บักโดรา ดาร์จิลิ่ง กังต๊อก
เดินทางจากสนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานีโดยส่ยการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน JT 8567

 เครื่องดีเลย์เกือบชั่วโมง ได้ออกเดินทางประมาณ 17.50 น ถึงสนามบินดอนเมือง 19.00 น.ต่อด้วย Shuttle Bus. ไปสุวรรณภูมิ เที่ยวนี้คนไม่เยอะ อากาศก็ไม่ร้อน รถก็ไม่ติดไม่เหมือนคราวที่แล้วที่ไปเกาหลีอากาศร้อนแอร์ไม่เย็นแถมรถติดอีก 
จากนั้นก็ไปพร้อมกันที่ชั้น 4 ประตู 5
ระหว่างนี้ก็ไปแลกเงินที่ธนาคารไทยพานิชย์ ได้ในอัตรา 1 รูปีเงินไทย 0.607 บาท แต่ถ้าไปแลกที่ Super Rich จะดีกว่า 1 รูปี เงินไทย 0.5บาท ถ้ามีเวลาแลกเงินก่อนและแลกจำนวนเยอะๆ แนะนำให้แลกที่ Super Rich ดีกว่าค่ะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Super Rich ที่นี่ค่ะ
https://www.ilovetogo.com/Mobile/Article/29/653/วิธีการแลกเงินที่-Super-Rich

ที่สนามบินกัลกัตตา ก็ใช้เงินบาทแลกเงินรูปีได้. อัตราแลกเท่ากันค่ะ




 เคาน์เตอร์สายการบิน Indigo Airline (6E) เที่ยวบิน 6E78 คณะที่ไปเป็นคณะเล็กมีเพียง 8 คน นำทีมโดยพี่จ๋า เจ้าของ Miss-Travel ไปเองเลยค่ะ น้องทิพย์จากพัทยา และจากสุราษฎร์ธานีอีก 6 คน พี่ยิ่ง พี่ตู่ น้าวัช. พี่อรัญ พี่นิพนธ์ น้องกิต เช็คอินเรียบร้อย ได้น้ำหนักกระเป๋าคนละ 20 kg

จากนั้นก็ scan. กระเป๋า และผ่าน Immigration คนเดินทางเยอะมาก ทีมพวกเราใช้บริการผ่านแบบอัตโนมัติ เลยเร็วหน่อย ระหว่างที่เดินไปที่ gate.ก็เดินดูของไปพลาง เพราะเครื่องออกประมาณตี 2 มีเวลาอีกเยอะ เที่ยวบินนี้หันซ้ายขวามีแต่คนอินเดีย มีคนไทยไม่ถึง 20 คน เองค่ะ



ถึงท่าอากาศยานกัลกัตตา Kolkata International Airport เข้าสู่พิธีตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้สับสนขั้นตอนการดำเนินการนิดหน่อย ปัญหาแรกคือเรื่องภาษาอังกฤษของคนอินเดียฟังยากมาก พวกเราทำ Visa Online ทุกคนจะมีเอกสารแนบมากับ Passport ไว้ และต้องมายื่นเอกสารอีกที่นึงอยู่ใกล้ๆกันแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่นั่งประจำ ต้องมานั่งรอซักครู่จึงมีเจ้าหน้าที่มาดำเนินการ
เอกสารอีกอย่างที่ต้องใช้แนบก็คือ เอกสาร Arrival card for passengers แอร์โฮสเตสจะแจกให้ตั้งแต่บนเครื่อง และมีให้หยิบได้บริเวณนั้น แต่ของพวกเราทางทัวร์เขียนให้เรียบร้อย มากรอกข้อมูลที่อยู่ในอินเดียเพิ่ม ใส่เป็นชื่อโรงแรมและเมืองที่เราไปได้ค่ะ ที่สำคัญ ลายเซ็นให้เหมือนกับในพาสปอตนะคะขอย้ำ



จากตัวอย่างด้านบนต้องกรอกข้อมูลที่อยู่ในอินเดียเพิ่มด้วย

ระหว่างยื่นเอกสารมีการถามข้อมูลหลายอย่างเหมือนกัน เราควรเตรียมข้อมูลประกอบด้วยเข่น
วันที่เดินทางมา. เดินทางกลับ 
เที่ยวบินมา กลับ
สถานที่พัก
เมืองที่จะไป เป็นต้น
ระหว่างยื่นข้อมูล เจ้าหน้าที่ก็จะถามและให้ scan ลายนิ้วมือ 4 นื้วซ้าย ขวา หัวแม่มือซ้ายขวา เสร็จเรียบร้อย 

ออกมารับกระเป๋าเดินทาง เหลือแต่กระเป๋าพวกเราแล้วล่ะ มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ต้องแสดงตั๋วเครื่องบินจึงจะรับกระเป๋าได้ ก็เป็นมาตรการที่ดี. 

อ้อมีเอกสารอีกใบที่แอร์โฮสเตส แจกให้เขียนบนเครื่องเป็นเอกสาร Indian Custom Declaration Form


ใช้ยื่นขณะผ่านด่าน แสดงของต้องสำแดง ย้ำนะคะ กรอกรายละเอียดของต้องสำแดงต้องตอบ no ทุกข้อ นะคะ

ทางเจ้าหน้าที่ที่ contact กับ Miss-travel มารับพวกเราที่สนามบิน ขอบคุณพี่จ๋าที่ตัดสินใจเช่าห้องพักโรงแรม Pride ให้พวกเราได้อาบน้ำพักผ่อนและรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแสนอร่อยแทนที่จะได้กินข้าวกล่องที่สนามบิน ประทับใจแรกเลยค่ะ





มีความสุขสดชื่นมากขึ้น พร้อมเดินทางต่อแล้วล่ะ จากนั้นเดินทางไปสนามบินภายในประเทศเมืองกัลกัตตา ซึ่งเป็นที่เดียวกับสนามบินนานาชาติกัลกัตตา  

เดินทางสู่ท่าอากาศยานบักโดรา Bagdora Airport โดยสายการบิน indigo Airline เที่ยวบินที่ 6E503 ที่นี่เค้าไม่เข้มงวดเรื่องขวดน้ำ เห็นเค้านำเข้าไปได้ แต่จะเข้มงวดเรื่องกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง. ต้องติด Tag สายการบินทุกใบ เมื่อผ่านการ scan แล้วจะประทับตรา และแยกช่องทางเข้าระหว่างผู้หญิง. ผู้ชาย สำหรับผู้หญิงจะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเป็นผู้ตรวจและประทับตราลงใน Boarding Pass
ย้ำนะคะว้าเราต้องถือพาสปอตพร้อม Boarding Pass ไปด้วย ไม่ต้องใส่ไปกับสัมภาระที่จะ scan



ถึงสนามบินบักโดรา มีไกด์ท้องถิ่นมารับ 2 คนคือ นอระกี และซันจีฟ ระหว่างนี้เราต้องรอที่สนามบินเพื่อทำเอกสารขออนุญาตเข้าเมือง Sikkim ( Restricted Area Permit ) ไกด์แนะนำว่าควรทำจากที่นี่ดีกว่าไปทำที่ด่านจะไม่สะดวก ยุ่งยากและช้ากว่านี้  ระหว่างนี้ก็เลยรับประทานอาหารกลางวันที่สนามบิน และทยอยกันมาทำเอกสารทีละคนจนเสร็จเรียบร้อย 

ในการเดินทางไป Sikkim เราต้องเตรียมภาพถ่าย 2x2 นิ้ว เอกสารสำเนาพาสปอต เอกสารสำเนาวีซ่า จำนวนมากน้อยตามสถานที่ที่จะไปเที่ยว เตรียมไว้ 6-8 ภาพ อีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลยต้องพกตลอดคือพาสปอตวีซ่าออนไลน์.และเอกสารขออนุญาตเข้า Sikkim ต้องใช้ประกอบการเข้าสถานที่ต่างๆตลอดเลย

พร้อมเดินทางคันละ 4 คน คณะเรามี 8 คนใช้รถ 2 คัน อากาศค่อนข้างร้อน ดีนะที่รถมีแอร์ด้วยค่อยชื่นใจหน่อย เดินทางสู่เมือง Darjeeling ช่วงนี้รถติดมากกว่าจะผ่านตัวเมืองได้ต้องใข้เวลาพอสมควร แต่พอเป็นทางขึ้นภูเขา เส้นทางคดเคี้ยวไปตามภูเขา รถก็น้อยหน่อย แต่เวลารถสวนกันก็หวาดเสียวเหมือนกันนะนี่ เส้นทางอยู่ในสภาพโอเค มีการปรับปรุงเส้นทางอยู่ตลอด


Darjeeling สูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,134 เมตร ตัวเมืองหันหน้าเข้าหาเทือกเขาหิมาลัย อังกฤษเข้ามาพัฒนาให้เป็นเมืองพักตากอากาศบนภูเขาได้อย่างสวยงาม เป็นเมืองราชินีแห่งภูเขา หรือเมืองพักตากอากาศบนภูเขา มีขื่อเสียงอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของชา. ดาร์จีลิ่งราชินีแห่งขุนเขา ไร่ชาดาร์จิลิ่งเป็นไร่ชาที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดในโลก ระหว่างทางแวะชมธรรมชาติและชิมชากันด้วย รู้สึกสดชื่นขึ้นโดยทันที อากาศเริ่มเย็นมากขึ้นแล้วล่ะ






ก่อนเข้าที่พักไปเที่ยวที่อนุสาวรีย์ ถ่ายภาพกันสนุกสนานคลายเครียดจากการเดินทางอันยาวไกล 






จากนั้นเข้าที่พักที่ Himalayan Resort มีการต้อนรับด้วยชา และคล้องคอด้วยผ้าขาว



เข้าห้องพัก ไกด์พาออกมาเดินเล่นในตลาด ร้านค้ามีของขายพอควร มีขายข้าวโพดย่าง เปรี้ยวๆเค็มๆ ข้าวโพดเม็ดแข็งๆไม่เหมือนข้าวโพดบ้านเรา



เดินกันจนถึงร้านชา ชิมชาดาร์จิลิ่งกันเค้าเอามาให้ขิมเยอะมาก  เลือกซื้อกันนิดหน่อย กะว่าจะซื้อเพิ่มอีก วันพรุ่งนี้เค้าพาไปที่โรงงาน


ได้ซื้อมาแค่ 1 กล่องเป็นชาดำ สำหรับกินกับนม ราคา 750 รูปี 

เดินเล่นกันพอสมควร กลับที่พัก รับประทานอาหารเย็นและพักผ่อน

 ที่นี่มี wifi ฟรี แต่เล่นดึกมากไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามากเพื่อไปชมวิวเทือกเขาหิมาลัยที่ไทเกอร์ฮิล กลางคืนอากาศเย็นมากเลย

วันที่ 4 พฤษภาคม 2558
ดาร์จิลิ่ง-กังต๊อก

ทางโรงแรมปลุกตั้งแต่ตีสามครึ่ง  ก่อนออกเดินทางทางโรงแรมเสริฟชาร้อนๆ ใครชอบหวานก็เติมน้ำตาลได้  ตีสี่ พร้อมออกเดินทาง ขึ้นไปชมวิวของเทือกเขาหิมาลัยที่.ไทเกอร์ฮิล
ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรม Himalayan Resort ใช้เวลาประมาณ 50 นาที เสียดายที่วันนี้ท้องฟ้าไม่เปิดทำให้มองเห็นยอดเขาคันชงจุงก้า ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ได้ไม่ค่อยชัดเห็นเป็นช่วงๆแว๊บๆนิดหน่อย





จากนั้นไกด์นำไปจุดชมวิวที่ 2 ที่ยืนชมได้สบายกว่าตรงนี้ อากาศค่อนข้างหนาวแต่ไม่เป็นปัญหากับพวกเราที่แต่ละคนอยู่ภายใต้เสื้อและหมวกกันหนาว รวมทั้งถึงมือด้วย ทุกจุดเราไปรถเยอะมาก กว่าจะฝ่าฟันกองทัพรถจิ๊บไปได้ ลุ้นซะเหนื่อยเลยล่ะ รถไปส่งได้ไม่ถึงเราต้องเดินขึ้นเนินไป เหนื่อยเหมือนกันนะแต่ต้องเดินช้าๆ จะดีขึ้นอย่าวิ่งนะจะทำให้เหนื่อยมากขึ้น พอถึงจุดชมวิวมีเก็บค่าผ่านประตูไม่ทราบเท่าไหร่ ไกด์เป็นคนจัดการ



 ถ่ายภาพกันสนุกสนานพร้อมลุ้นที่จะชมยอดเขาคันเชงจุงก้า กัน เสียดายจังมองเห็นไม่ชัดเลยอ่ะ พอแสงแดดเริ่มมากนักท่องเที่ยวเริ่มกลับ ขากลับไม่ต้องเดินลงไปข้างล่างรถขึ้นมารับด้านบนเลยค่ะ 





จุดที่ประทับใจคือฝีมือการขับรถมากๆๆๆให้ซัก 1000 likes รถสวนกัน 1-2 นิ้วก็สวนได้กันสบายๆ ในสภาพถนนแคบๆ สุดยอด 

ระหว่างทางแวะชมวัดธิเบต กูมกอมปา Ghoom Gompa เป็นวัดโบราณแต่ได้รับการประบปรุงซ่อมแซมใหม่ เข้าไปไหว้พระและอธิษฐานขอพร ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก





จากนั้นเดินทางกลับโรงแรม ทานอาหารเช้าอดใจไม่ได้ที่จะเก็บภาพความทรงจำผ่านภาพถ่ายกันอีกค่ะ


เตรียมพร้อมเดินทางต่อปลายทางในวันนี้คือกังต๊อก สิกขิม แต่ในช่วงเช้าก็เที่ยวในดาร์จิลิ่งก่อน เริ่มด้วย สวนสัตว์ปมจารีนัยดรู Padmaja naidu himalaya zoo logical park มีสัตว์ต่างๆมากมาย 







บริเวณใกล้ๆกันก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ปีนเขาหิมาลัย Moutaineering Museum 
สถาบันนักปีนเขาเทือกเขาหิมาลัยนี้ก่อตั้งโดยท่านเซอร์เอ็ดมันด์ ฮิลลารี Sir Edmund Hillary จากนิวซีแลนด์และเทนซิงก์ นอร์เกย์ Tenzing Norgay ชาวซาปา จากดาร์จีลิ่วได้ปีนเขาเอวอร์เรสต์ได้สำเร็จ





ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ Toy Train ของ Darjeeling ซึ่งเป็นมรดกโลก จากนั้นก็ไปที่สถานีรถไฟ Darjeeling เพื่อนั่งไปที่สถานี Ghum ระยะทางประมาณ 6 km ได้ที่นั่ง 9-16. เป็นขบวณรถไฟสำหรับนักท่องเที่ยวใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ














รถไฟจอดให้ถ่ายภาพที่อนุสาวรีย์ Gokha-War Momorial. 10 นาที เมื่อวานได้มาแล้ว ดีจังที่วันนี้ได้มาอีกครั้ง อีกบรรยากาศ 















เมื่อถึงสถานี Ghum ได้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Darjeeling Himalayan Railway ซึ่งเป็นมรดกโลก A Unesco World Heritage Area รวบรวมข้อมูลความเป็นมาของรถไฟน่าสนใจมากไม่แน่ใจว่าการใช้รถไฟใน Darjeeling ใช้โดยทั่วไปหรือปล่าว หรือแยกเป็นขบวนสำหรับนักท่องเที่ยวกับชาวบ้าน





รถมารับคณะพวกเราไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารไทย The Park พี่จ๋าสั่งอาหารซะหลายอย่างเลย รสชาดอาหารอาจจะไม่ค่อยไทยแท้ซักเท่าไหร่แต่ก็โอเคสำหรับมื้อนี้
เพื่อยืนยันว่าอาหารมื้อนี้เยอะจริงดูจากภาพได้ค่ะ เท่าที่เห็นก็ 9 อย่างนี่ยังไม่นับรายการอาหารที่นำไปจากเมืองไทยด้วยนะคะนี่
 รับประทานกันอิ่มแล้วก็เดินทางต่อไปยังเมืองกังต๊อก  Gangtok เป็นเมืองหลวงของแคว้นสิกขิม หมายความว่า เนินสูงหรือยอดเขาสูง ซึ่งสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,780 เมตรระหว่างทางแวะถ่ายภาพไร่ชา  


และแวะชมเมืองที่ Lovers meet view point เห็นวิวแม่น้ำบรรจบกันสวยงาม



ระยะทางจาดดาร์จีลิงถึงกังต๊อก ประมาณ 100Km แต่ใช้เวลาในการเดินทาง 5-6 ชั่วโมงเนื่องจากทางคดเคี้ยวตามภูเขา ต้องขับรถช้า ก่อนเข้าสิกขิม ไกด์จะต้องยื่นเอกสาร พาสปอต และเอกสารเข้าเมืองที่ทำขออนุญาตไว้วันที่เดินทางมาถึงสนามบินบักโดรา. Bagdora พวกเรารออยู่ที่ Rangpo Tourist Lodge
รอไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย เดินทางต่อ เข้าเมืองมีฝนตกพอสมควรในบางจุดที่ผ่านมีน้ำขังเยอะเหมือนกันอาจจะมาจากท่อระบายน้ำอุดตันหรือไม่ก็บางจุดไม่มีคูระบายน้ำ

ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ ทั้งที่ Darjeeling และ Gangtok ไม่เจอไฟแดง และไม่เห็นอุบัติเหตุเลย เพิ่งมาเห็นไฟแดงที่กังต๊อก 1 ไฟแดงเท่านั้น. นอกนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่โบกรถบ้าง ส่วนใหญก็เป็นการจัดระเบียบตามธรรมชาติของคนขับรถกันเองมากกว่า  และการทักทายกันระหว่างขับรถ สวนกันก็หยุดรถคุยทักทายกัน เป็นเรื่องธรรมดา  เดินทางมาถึงที่พัก โรงแรม The Fortuna ก็มืดแล้วล่ะ มีการต้อนรับด้วยผ้าขาวคล้องคอ อีกเช่นกัน รับประทานอาหารเย็น

สิ่งที่ทุกคนต้องเตรียมเพิ่มเติมอีกก็คือ ภาพถ่ายคนละ 6 ภาพ สำเนาพาสปอต. สำเนาวีซ่า ดีที่พี่จ๋าถ่ายสำเนาไว้หลายชุด พาสปอตพร้อมเอกสารขออนุญาตเข้าเมืองสิกขิมก็ต้องคิดตัวตลอดเวลาสะดวกในการหยิบใช้ด้วย เพราต้องใช้ประกอบการยื่นขอเข้าไปเขตพื้นที่ต่างๆ

พรุ่งนี้เค้าปลุก 7 โมง ทานอาหาร 8 ออกเดนทาง 9 โมงครึ่ง เนื่องจากไกด์จะต้องเตรียมเอกสารไปยื่นขออนุญาต

คืนนี้จัดเตรียมกระเป๋าใบเล็กไปหมู่บ้านลาชุง พี่จ๋าบอกว่าพวกเราของไม่เยอะไม่ต้องเปลี่ยนกระเป๋าก็ได้ เผื่ออากาศบนโน้นหนาวมากจะได้มีเสื้อผ้ามาใส่เพิ่ม กระเป๋าส่วนหนึ่งฝากไว้ที่โรงแรม

ก่อนนอนก็มาใช้ Wifi ของโรงแรม แต่ต้องมาเล่นที่ Lobby. เท่านั้นในห้องนอนสัญญาณไม่ถึง. ได้เวลาก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง เตรียมพร้อมร่างกายในการเดินทางพรุ่งนี้

ตอนที่ 1 ตอนที่ 2  ตอนที่ 3

ตอนที่ 1 เดินทางมา ดาร์จิลิ่ง กังต๊อก
ตอนที่ 2 กังต๊อก หมู่บ้านลาชุม หุบเขาชุมถัง
ตอนที่ 3 กังต๊อก ทะเลสาบฌางโก เดินทางกลับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ