ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 3 ท่องเที่ยวย่างกุ้ง พุกาม วันที่ 21-25 ตุลาคม 2558

ท่องเที่ยวย่างกุ้ง พุกาม วันที่ 21-25 ตุลาคม 2558
วันที่สาม วันที่ 23 ตุลาคม 2558 พุกาม
ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4


คณะที่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ เจดีย์ชเวสันดอว์ (Shwesandaw Phaya) ตั้งแต่ตี 5 ครูกิตไม่ได้ไป เสียดายเหมือนกันนะ เห็นภาพที่แต่ละคนถ่ายมาก ยิ่งเสียดายที่ตัดสินใจไม่ไป ถ้าให้ตัดสินใจใหม่ขอไปด้วย อิอิ แต่ว่าไม่สามารถย้อนเวลาก็ขอภาพสวยๆมาประกอบการบันทึกแล้วกัน ว่าแล้วก็ขอภาพสวยๆๆๆของน้องเข็ม Atis Khem หลานสาวของน้าวัชรินทร์ มาโชว์ให้ดูนะคะ สวยมากๆ 




รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ทางโรงแรมจัดให้ทานอาหารเช้าด้านบนดาดฟ้า เห็นวิวได้รอบๆสวยมากยืนยันด้วยภาพค่ะ เสียดายที่แดดแรงไปหน่อย 











ทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็เก็บภาพบรรยากาศโรงแรมให้ชมกันค่ะ เค้าจัดบรรยากาศได้สวยดี ร่มรื่นเชียว เก็บภาพสวยๆได้ทุกจุดเชียว



บรรยากาศด้านหน้าโรงแรมดูเรียบๆ สบายตา อยากได้ป้ายชื่อโรงแรม เก็บภาพสวยๆที่หน้าโรงแรมได้หลายภาพเลยค่ะ





เดินเล่นไปด้านหน้าโรงแรม เห็นนักเรียนปั่นจักรยานไปโรงแรมกันเป็นขบวน น่าสนุกเชียวค่ะ




ด้านหน้าโรงแรมก็จะเต็มไปด้วยเจดีย์ เรียงรายตลอดแนวถนนเลยค่ะ เพื่อยืนยันว่าที่พุกามมีเจดีย์มากมายจริงๆ ไปตรงไหนก็มีให้ชม







จุดที่หนึ่ง เจดีย์ชิตานาจี (Sitana Gyi Phaya) พระเจดีย์องค์นี้สร้างในสมัยพระเจ้าติโลมินโล หรืออีกนามหนึ่งในภาษาพม่า คือ พระเจ้าเขยะเถนชะนะดวงมยา หรือ อีกพระนามในภาษาบาลี คือ พระเจ้าชัยสิงห์ เมื่อราวศตวรรษที่ 18  จุดแรกของวันนี้คือเจดีย์ชิตานาจี (Sitana Gyi Phaya) บรรยากาศเงียบๆดีค่ะ อาจจะเพราะเรามาที่นี่ตั้งแต่เช้าเลยค่ะ 








พอเดินเข้ามาจุดแรกเห็นช่างวาดภาพ สามารถดึงดูดสายตาของคณะพวกเราได้เป็นอย่างดีเชียว ทุกคนมุ่งตรงมาชมการสาธิตการวาดภาพ ซึ่งจะมีให้เราได้เห็นเกือบทุกๆที่ที่เราไปเลย ส่วนใหญ่จะเป็นภาพวาดทราย น่าซื้อเป็นขอฝากค่ะ สวยๆทั้งนั้นเลย









ระหว่างที่พวกเราตีระฆัง มีคุณยายน่าจะเป็นคนที่ดูแลเจดีย์นี้ มาแนะนำวิธีตีระฆังให้ แต่ละเจดีย์น่าจะมีครอบครัวที่ทำหน้าที่ดูแล เพราะเห็นคุณยายเดินเก็บขยะกิ่งไม้แห้ง บริเวณเจดีย์ด้วย






เจดีย์ชิตานาจีมีกำแพงแก้วล้อมรอบเจดีย์ประธานทำเป็นซุ่มประตูเข้าออกที่ทิศทั้งสี่ 









จุดที่สอง เสียนเยียตอัมมา และเสียนเยียดยิมา (Seinnyet Ama & Nyima) ปราสาทเสียนเยียตนั้นประกอบไปด้วยสองส่วน หนึ่งคือตัวปราสาทเสียนเยียตอัมมา (Sein Nyet Ama temple) อีกหนึ่งคือเจดีย์เสียนเยียตยีมา (Sein Nyet Nyima pagoda) ตามประวัติแล้ว ตัวปราสาทนั้นสร้างขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 โดยดำรีของพระนางเสียนเยียตซึ่งเป็นสมเด็จพระราชินีของอาณาจักรพุกามในสมัยนั้น ส่วนตัวเจดีย์นั้นสร้างขึ้นโดยดำริของพระขนิษฐาของพระนางเสียนเนียต จึงเป็นที่มาของชื่อสถานที่แห่งนี้ ด้วยคำว่าอัมมา ในปราสาทเสียนเนียตอัมมานั้นแปลได้ว่า “พี่สาว” เป็นนัยแสดงให้เห็นว่าตัวปราสาทนั้นสร้างขึ้นด้วยดำริของผู้เป็นพี่ ส่วนคำว่ายีมาในชื่อเจดีย์เสียนเนียตยีมานั้นแปลได้ว่า “น้องสาว” สื่อแสดงให้เห็นว่าสร้างขึ้นโดยดำริของผู้เป็นน้อง




ที่นี่พอเดินเข้ามาจะเห็นภาพวาดโชว์ที่ทางเข้าทั้งสองข้าง ภาพวาดสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ













จุดที่สาม จำชื่อไม่ได้ค่ะ ขอค้นข้อมูลก่อนนะคะแล้วค่อยมา Update ข้อมูลใหม่ บอกตรงๆว่าวันแรกที่มาพุกามพอจะจำได้บ้าง วันที่สองเริ่มงงๆจำได้บ้างไม่ได้บ้าง เริ่มจะแยกไม่ออกมันคล้ายๆกันเกือบทุกที่เลย











จุดที่สี่ วิหารอเภยะทะนะ (Apeyadana Pagoda) ด้านในจะมีภาพเขียนที่เก่าแก่แต่เค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ





ด้านหน้าจะมีแม่ค้าขายภาพวาด พูดภาษาอังกฤษเก่ง ขายเก่งมาก บรรยายความหมายของแต่ละภาพได้ดีมากทำให้ขายภาพได้เยอะเชียว นี่ก็เป็นตัวอย่างของการใช้เทคนิคการขายที่ทำให้ผู้ซื้อรู้ความหมายของภาพ ที่นี่แม่ค้าบอกว่าภาพวาดด้วย หินสี เท่าที่ดูภาพภาพวาดที่นี่สวยรายละเอียดเยอะ ภาพแต่ละภาพมีความหมาย หยิบมาดูสวยทุกภาพเลยค่ะ คณะเลยอยู่ที่จุดนี้นานเป็นพิเศษต่อรองราคาภาพวาดและซื้อกันคนละหลายๆภาพ
















จุดที่ห้า ชมเครื่องเขิน ที่ร้านโกลเด็น (Golden Cuckoo) หมู่บ้านมยินกบา (Myinkaba Village) สิ่งของขึ้นชื่อของพุกาม ก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) เค้ามีการสาธิตขั้นตอนการทำเครื่องเขินให้ดูด้วย นอกจากการสาธิตแล้ว โซนร้านค้าเครื่องเขินก็มี 2 ร้าน คือ ร้านแรกจะขายสินค้าเกรด A แต่ว่าราคาแพงมาก อีกร้านจะเป็นร้านที่จำหน่ายสินค้าทั่วๆไป ราคาพอซื้อได้แต่ราคาก็สูงอยู่เหมือนกัน แต่จากการฟังการบรรยายขั้นตอนการผลิตเครื่องเขิน ก็พอรับได้กับราคาที่เค้าจำหน่ายน่ะค่ะ











































หลังจากไปชมเครื่องเขินที่ร้านโกลเด็น Golden Cuckoo แล้วคนขับรถแวะให้เลือกชมเครื่องเขินที่ร้านอื่นๆอีกซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับร้านอาหารกลางวัน San Thi Dar Restaurant  เป็นร้านที่ได้รับรางวัล 2014 Winner Certificate of Excellent  เข้าร้านเอ๊ะร้านเล็กจังแล้วจะทำอาหารให้พวกเรา 29 คนทันมั๊ยนี่ แต่ปรากฏว่าสุดยอดมากๆๆๆ ทำอาหารเร็วมาก เค้าจะเสริฟถั่วให้เราทานเล่นกันก่อน ถั่วเค้าอร่อยรสชาดดี กินกันเพลิดเพลินเชียว ขอบใจน้องเอ๊ด หลานสาวคนสวยของพี่ตู่ เก่งมากช่วยทางร้านบริการทั้งรับ order และเสริฟ ทำให้ทุกคนได้ทานอาหารเร็วขึ้น เพราะร้านนี้เป็นร้านฉบับครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ลูกเรียนวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยช่วงนี้มหาวิทยาลัยปิดเลยมาช่วยงานที่ร้าน พ่อเล่าให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกชายมาก แม่ทำหน้าที่แม่ครัว  พ่อจัดการ เป็นครอบครัวน่ารักดีนะคะ








หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ ใกล้ๆร้านอาหารมีร้านขายเครื่องเขิน  ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนจะมีแม่ค้า พ่อค้าถือของมาขายตลอดเลย คงเหมือนกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆนะคะ  เดินดูบรรยากาศของชุมชนก็เห็นความต่างมากเหมือนกันนะคะ บ้านสมัยใหม่หลังใหญ่โต ข้างๆก็จะยังเป็นบ้านที่เป็นวิถีชีวิตแบบเดิม 




ชาวบ้านนั่งทำเครื่องเขิน








ยังเห็นภาพที่ตากผ้าที่รั้วไม้ไผ่





เดินๆไปเจอเด็กๆมาขายโปสการ์ด ด้วยความน่ารักของคนขายอดใจไม่ได้ที่จะซื้อโปสการ์ดมาอีก 1 ชุด ได้ของแถมถ่ายภาพกับคณะของแม่ค้าอีก 555





เด็กๆ เค้าไม่กลัวนักท่องเที่ยวเลย หันกล้องถ่ายรูปไป แอ๊กชั่น ทันที่เลย น่ารักจัง


จุดที่หก  วัดมะยะเจดีย์ ( Mya Zedi) เป็นวัดใหม่ที่สร้างขึ้นมาไม่นาน แต่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงวิชาการ เนื่องจากมีจารึกหลักสำคัญมากของพม่า (พุกาม) ตั้งอยู่ จารึกดังกล่าวนักวิชาการเรียกว่า จารึกมะยะเจดีย์










จุดที่เจ็ด วิหารมนูหะ (Manuha)

ตำนานกล่าวเอาไว้ว่า พระเจ้ามนูหะ หรือพระเจ้า สุธรรมวดี กษัตริย์ของมอญสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาเข้าตีเมือง สุธรรมวดี หรือ เมืองสะเทิม เมืองหลวงของชาวมอญ แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม เมื่อปี พ.. 1987 ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของพม่ากล่าวถึงไว้ว่า 

… เมื่อสะเทิมยอมแพ้กองทัพพม่า ได้พระไตรปิฎก จับพระเจ้ามนูหะใส่ตรวนทองคำ และจับข้าราชสำนักใส่หลังช้าง แห่แหนยินดีในชัยชนะไปตลอดทางจนถึงเมืองพกาม พวกเชลยที่ถูกกวาดต้อนไปกรุงพุกามมีทั้งพระสงฆ์ นักปราชญ์ นักเขียนจารึกและคนงาน

พงศาวดารมอญบันทึกไว้ว่า … เมืองสะเทิมที่ยิ่งใหญ่เหลือแต่ซากและเงียบสงบจับใจ … ตรงกันข้ามกับที่เมืองพุกาม ที่เรียกเป็นภาษาราชการว่า อริมัททะนะปุระ หรือ ผู้เหยียบย่ำศัตรู นั้น กลับได้ชื่อเสียงจากชัยชนะกระจายไปทั่ว เปรียบเสมือนเป็นเมืองที่สถิตของเทพเจ้าทั้งหลาย 

จากหลักฐานระบุว่า พระเจ้ามนูหะและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบา ทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี พ.. 1602 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนูหะ สร้างวัดมนูหะขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล

กษัตริย์มอญทรงระบายความรู้สึกในพระราชหฤทัยของพระองค์ในระหว่างที่ทรงถูกคุมขัง ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากจนคับวิหาร ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า พระอึดอัด” มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นการประชดพุกาม












สาวๆในทริปนี้อยากจะใส่ผ้าถุงพรุ่งนี้ คนขับรถใจดีแวะให้เลือกซื้อกันสนุกเชียวได้ซื้อกันเกือบทุกคน พี่มาลาต่อรองราคาเก่งมาก อ้อนแม่ค้าก็เก่ง อิอิ ต่อไปถ้าไปเที่ยวเวลาจะซื้อของต้องตามติดพี่สาวคนสวยซะแล้วจะได้ขอราคาถูก ที่ร้านนี้ราคาก็ไม่สูงมากแต่บางชิ้นต้องต่อรองราคาเกินครึ่งเลยล่ะ 


ระหว่างรอสมาชิกเพื่อไปทานอาหารเย็นและชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน ที่ร้าน Sunset Garden Restaurant มีรถม้าผ่านมาและชวนให้พวกเรานั่งรถม้าชมเมือง เราไม่ได้นั่งวันนี้เพราะมีโปรแกรมไปทานอาหารเย็นและชมพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เลยขอถ่ายภาพกับม้ากันก่อน คนขับรถม้าก็ใจดีให้ถ่ายรูปซะหลายรูป แล้วยังอนุญาตให้ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปบนรถม้าด้วย ได้ภาพสวยๆไปหลายภาพเลยล่ะ เห็นว่าเค้ามีอัธยาศัยดีเลยจ่ายเงินค่าถ่ายรูปกับม้าไป 1,000 จ๊าด แต่ถ้าใชบริการ 1 ชั่วโมง เค้าคิดคันละ 5,000 จ๊าด นั่งได้ 2-3 คน เลยตัดสินใจกันว่าพรุ่งนี้จะนั่งรถม้าไปตลาดตอนเช้าแล้วค่อยกลับมาทานอาหารเช้ากันซัก 7.00 น. พี่ยิ่งสอบถามสมาชิกว่าใครจะนั่งบ้าง  เลยจองรถไว้ 5 คัน




ชมประอาทิตย์ตกดินและรับประทานอาหารค่ำที่ ร้าน Sunset Garden Restaurant  River Side Bagan
ระหว่างทานอาหารไฟดับไปหลายครั้งเลย พนักงานเลยเตรียมเทียนไขมาวางให้ เห็นว่าไฟฟ้าจะดับบ่อยเป็นปกติค่ะ  อีกอย่างที่น่าประทับใจมากเสียดายไม่ได้ถ่ายภาพไว้คือ จากที่ร้านอาหารจะมองเห็นเจดีย์ทองอยู่ไกลๆ และที่ร้านจะยิงแสงเลเซอร์ตรงไปยังเจดีย์ทอง Amazing มากๆ ทำได้ไงนะนี่  อาหารอร่อย บรรยากาศดี ถ้ามีโอกาสก็แนะนำที่นี่นะคะ

Sunset Garden Restaurant  River Side Bagan
Email: sunsetbagan@mpt.net.mm
Phone : 061-65037,65073








กลับที่พักโรงแรม Thirimarlar Hotel เป็นคืนที่ 2 หลับสบายเลยค่ะ พรุ่งนี้ตื่นเช้าจะนั่งรถม้าไปเที่ยวที่ตลาดและชมวิถีชีวิตชาวพุกาม ในช่วงเช้ากัน รีบนอนก่อนล่ะ จะได้ตื่นเช้าๆกัน Good night จ้ะ




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ