ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 2 เดินทางบาหลี ย็อกยาการ์ตา จาการ์ต้า 2-9 พ.ค.2559 (ย็อกยาการ์ตา จาร์การ์ต้า ดอนเมือง สุราษฎร์ธานี)

ตอนที่ 2 ย็อกยาการ์ตา จาการ์ต้า ดอนเมือง สุราษฎร์ธานี วันที่ 6-9 พฤษภาคม 2559

ตอนที่ 1 ตอนที่ 2



ยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) หรือยอกยา (Jogja) เป็นเมืองหลวงเก่าและเมืองท่องเที่ยวชื่อดังบนเกาะชวาของประเทศอินโดนีเซีย ขึ้นชื่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และศาสนาอันสำคัญจนเทียบขั้นมรดกโลก เช่น บุโรพุทโธ เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรโบราณมาตาราม” (Mataram) ที่มีความยิ่งใหญ่ในอดีตอย่างมากในดินแดนแถบนี้ จึงนับได้ว่าเป็นเมืองที่นับเป็นจิตวิญญาณที่สำคัญของชาวเกาะชวาเพราะเป็นทั้งแหล่งอารยธรรม ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมที่หล่อหลอมรากเหง้าของชาวชวาจนมาถึงทุกวันนี้ ภาษาที่ใช้ คือ ภาษาชวาและมีการใช้ภาษาอังกฤษในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ สกุลเงิน คือ อินโดนีเซีย รูเปีย (Rupiah or IDR) 

วันที่ 6 พฤษภาคม 2559 เดินทางไปสนามบินงูห์ราลัย (Denpasar Ngurah Rai International Airport) เมืองบาหลี ไปสนามบินอดิสุคิพโต (Adi Sucipto Airport)เมืองย็อกยาการ์ตา โดย Asia Asia เที่ยวบินที่ QZ8440 น้ำหนักโหลดกระเป๋าได้คนละ 15 ก.ก. เวลาของที่นี่จะเหมือนกับเมืองไทย และช้ากว่าบาหลี 1 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ที่สนามบินพนักงานขับรถที่ครูสุรารักษ์ เช่าไว้ก็มารอรับที่สนามบิน



จุดแรกก็คือชมวัดพลาโอชาน (Plaosan Temple)


วัดเก่าแก่ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญจากเจ้าชายในราชวงศ์ฮินดูแก่เจ้าหญิงในราชวงศ์พุทธ ตัววัดมีลักษณะเป็นวัดคู่มีอาคารและพื้นที่วัดขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยยอดโดมถึง 116 โดมและวัดเล็กๆ ในอาณาบริเวณถึง 50 แห่ง ที่น่าสนใจ คือ แม้ว่าวัดแห่งนี้จะมีสถาปัตยกรรมฮินดูเพราะเป็นวัดฮินดู แต่ก็มีส่วนของศาสนสถานในศาสนาพุทธเช่นกัน มีลานสวดมนต์ที่มีงานสถาปัตยกรรมแบบพุทธศิลปะผสมอยู่สมกับความตั้งใจของผู้สร้างที่ต้องการให้วัดแห่งนี้เป็นตัวแทนที่ผสมกลมกลืนอย่างลงตัวของความเชื่อใน 2 ศาสนา
อ้างอิงที่มาข้อมูล : www.skyscanner.co.th

ค่าเข้าชมวัดคนละ IDR 5000





















เดินชมวัดพลาโอชาน (Plaosan Temple) แล้วข้ามถนนมาที่จอดรถ เดินตรงไปก็จะมีวัดตรงบริเวณนี้อีก







ชมวัดปรามบานัน (Prambanan)

"ปรัมบานัน"  ถือว่าเป็นเทวสถานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียมานานแล้วสำหรับ "ปรัมบานัน"  (Prambanan) มหาวิหารของศาสนาฮินดูที่อยุ่ห่างจากยอกยาการ์ตาไปทางตะวันออกประมาณ 18 กิโลเมตร "ปรัมบานัน"  ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยุเนสโก ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1991 และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ แถมยังมีจุดเด่นที่พระปรางค์ขนาดใหญ่ซึ่งมีความสูงถึง 47 เมตร  สำหรับ "ปรัมบานัน"  หรือที่เรียกตามภาษาอินโดนีเซียว่า วัดโลโร จงกรัง (Loro Jongrang Temple) แม้ในปี ค.ศ.2006 จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่บนเกาะชวาซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากให้แก่ "ปรัมบานัน" เพราะสิ่งก่อสร้างหลายแห่งโดยเฉพาะเทวลัยขนาดเล็กที่อยู่รายรอบได้พังเสียหายหนัก จึงต้องปิดซ่อมแซมไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ว่าในปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง 
อ้างอิงแหล่งข้อมูล : http://www.tourtooktee.com/ข้อมูลท่องเที่ยว/ปรัมบานัน

ขอนำภาพสวยๆของ www.tourtooktee.com มาใช้ประกอบ การบันทึกการเดินทางนะคะ

รถที่ให้บริการคณะตลอดการเดินทางที่ ย็อกยาการ์ตา

ระหว่างรอซื้อตั๋ว มีชา กาแฟ วางพบริการให้ดื่มฟรีด้วยค่ะ



ค่าตั๋วเข้าชมซื้อเป็น Package บุโรพุทโธ&ปรามบานัน คนละ USD 30




















ตรงทางออกจะผ่านร้านค้ามากมายหลายร้าน เป็นบังคับทางออกน่ะ แต่ไหงทุกคนมีหน้าตาที่สดชื่นไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ 555 เพลิดเพลินจนต้องตามขึ้นรถซะงั้น


รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้าน 0 KM Pringsewu Restoran Taman
ประทับใจร้านอาหารที่นี่มากเลย เข้ามาตอนแรกเห็นเป็นร้านเล็กๆ ด้านหลังร้านมีทุ่งนา เค้าให้เลือกว่าจะนั่งห้องแอร์ หรือจะนั่งแบบธรรมชาติที่ศาลาไม้ ทุกคนเลือกนั่งแบบธรรมชาติ ลูกค้าเข้าร้านเยอะมากคงเป็นเวลาเที่ยงพอดี ทั้งลูกค้าทัวร์และลูกค้าที่มาเอง อาหารอร่อยมากค่ะ ไม่แปลกใจเลยทำไมลูกค้าเยอะขนาดนี้












ระหว่างทางแวะ Shopping ผ้าบาติก เป็นโชคดีที่ฝนตกเลยได้อยู่ร้านนี้กันยาวเลยล่ะ 




แวะซื้อสละอินโด ชั้งชิมและช๊อปกันสนุกเชียว พรุ่งนี้โชเฟอร์ จะพามาใหม่มาซื้อกลับเมืองไทย



ชมวัดเมนดุด (Mendut Temple)


วัดเมนดุด
 จะเก่าแก่กว่า บุโรพุทธโธ (Borobudur) โดยภาพแกะสลักจะกล่าวถึงเรื่องราวของพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ห่างจากบุโรพุทธโธ (Borobudur) ไปทางทิศตะวันออก 3 กิโลเมตร เป็นวัดในพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นในปี 824 โดยกษัตริย์ Indera ของ ราชวงศ์ Sailendra ภายในมีรูปปั้นขนาดใหญ่ 3 ชิ้น ได้แก่ 
  1. พระศักยมุนี นั่งในท่าขัดสมาธิ โดยมืออยู่ในท่าหมุนพระธรรมจักร
  2. พระอวโลกิเตวรา เป็นสัญลักษณ์ของผู้ช่วยเหลือสัตว์มนุษย์ สวมมงกุฎ ถือดอกบัวสีแดงวางลงบนฝ่ามือ
  3. พระศรีอริยเมตไตร พระผู้ช่วยให้รอด
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : http://travel.mthai.com/world-travel/66893.html

วัดเมนดุต (Candi Mendut หรือ Mendut Temple) และวัด ปะวน (Candi Pawon).. 
เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ "บุโรพุทโธ" (Borobudur) และที่น่าแปลกทั้งสามแห่งตั้งอยู่ตำแหน่งเป็นเส้นตรงเดียวกันซึ่งเชื่อกันว่าวัดสองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของบุโรพุทโธ แต่ตามข้อมูล วิกิพีเดีย บอกว่า Candi Mendut ถูกสร้างขึ้นก่อนและเก่าแก่ที่สุด...ขอบคุณข้อมูลและภาพถ่ายจาก http://www.naryak.com/ 






ที่คณะเราไปถึงฝนตกและก็พลบค่ำซะแล้วเลยได้ไม่ได้ภาพสวยๆเลยเสียดายจัง ขออาศัยภาพสวยๆจาก naryak.com เก็บภาพที่ระลึกได้นิดหน่อย












เข้าพักที่ Cempaka Villa

Cempaka Villa ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก Borobudur temple เป็นที่พักสไตล์ Joglo ดั้งเดิม มีสวนกว้างขวาง ห้องพักสะดวกสบาย และอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรีทั่วบริเวณ

















รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม




วันที่ 7 พฤษภาคม 2559  ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่บุโรพุทโธ

แลนด์มาร์คสำคัญที่พลาดไม่ได้กับการไปบุโรพุทโธทัวร์ชมดินแดนมรดกโลก ศาสนสถานของพุทธศาสนานิกายมหายานที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในราว .. 778-850 เป็นสถาปัตยกรรมพุทธผสมชวา มีลักษณะเป็นเจดีย์ฐานดอกบัวที่ลดหลั่นแลไล่เรียงกันขึ้นไปเป็นฐานปีรามิดประหนึ่งบันไดสู่สวรรค์ สร้างขึ้นจากหินภูเขาไฟและมีภาพสลักหินเรื่องราวพุทธประวัติมากมาย เป็นปริศนาธรรมและคำสอนที่มีคุณค่ายิ่งนัก ขอบคุณข้อมูลจาก :www.skyscanner.co.th

บุโรพุทธโธ (Borobudur) เป็นวัดในพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 9 มีขนาด 123 x 123 เมตร สร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นศตวรรษก่อนนครวัดในกัมพูชา
ในวัดแห่งนี้มีภาพพุทธประวัติถึง 1,460 ชิ้น พระพุทธรูป 504 องค์รอบฐานองค์บุโรพุทธโธ หลายล้านคนมีความกระตือรือร้นที่จะเยี่ยมชมบุโรพุทธโธแห่งนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลก มันไม่น่าแปลกใจตั้งแต่สถาปัตยกรรมและโครงสร้างของบุโรพุทธโธ ที่ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับพุทธศาสนิกชนกล่าวคำอธิษฐาน ทำให้บุโรพุทธโธ (Borobudur) เป็นที่น่าสนใจ  แหล่งอ้างอิงข้อมูล : http://travel.mthai.com/world-travel/66893.html

มีการเปลี่ยนนิดหน่อยจากเข้าชม บุโรพุทธโธ (Borobudur) เมื่อวานตอนเย็นแต่คนเยอะและรถติดมาก ที่สำคัญฝนตกด้วย ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นวันนี้ ก็เลยต้องเปลี่ยนตั๋วก่อน ก่อนเข้าเค้าให้เลือกเครื่องดื่มคนละ 1 อย่างจะเป็นน้ำดื่ม หรือชา กาแฟ ก็ได้ 






































ตรงทางออกก็จะต้องผ่านร้านค้าอีก วกไปวนมา กว่าจะหลุดออกมาได้ คิดว่าหลงซะแล้ว ออกมารอที่จุดนัดพบ ยังไม่มีใครออกมาถือโอกาสนั่งพักเหนื่อยซะหน่อย 
















เยี่ยมชมวัดพาวอน (Pawon Temple)
วัดพาวอน เป็นหนึ่งในวัดทางพระพุทธศาสนา และห่างครึ่งกิโลเมตร ไปทางทิศตะวันตกจากวัดเมนดุด และไปทางทิศตะวันออกจากบุโรพุทธโธ รายละเอียดของประติมากรรมในวัดพาวอน เป็นจุดเริ่มต้นของประติมากรรมของบุโรพุทธโธ












บ้านสไตล์อินโดนีเซีย



ตลอดการเดินทางที่เห็นจนชินก็คือแม่ค้าขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว สนุกกับการต่อรองราคา ต้องต่อเยอะมากๆ อีกอย่างก็คือถ้าไม่สนใจจะซื้ออย่าเผลอเหลือตาไปมองเชียวจะ แม่ค้าจะกรูมาที่ท่านตั้งตัวไม่ทันเลยล่ะจะบอกให้





เดินทางไปเมืองย๊อกยาการ์ตา แวะซื้อผลไม้สละอินโด








รับประทานอาหารกลางวัน









ใกล้ๆร้านที่ทานอาหารกลางวันมีร้านให้ช้อบปิ้งผ้าบาติกเยอะมากมีหลากหลายราคา 





มีสาธิตการทำผ้าบาติกด้วย





เข้าพักโรงแรม Hotel Pyrenees Jogia ย่านมาลิโอโบโร ช่วงเย็นที่จะเข้าที่พักรถเข้ามาไม่ได้ รถจะต้องจอดด้านนอก และเดินไปที่โรงแรมนำเฉพาะของจำเป็นติดตัวไป ส่วนสัมภาระทางโรงแรมจะรับผิดชอบ 
















เข้าที่พักแล้วก็รับประทานมื้อเย็นง่ายๆ ข้างโรงแรม อุ๊ยมีของให้ซ้อปเยอะมากที่สุดเท่าที่ผ่านมาเลยมีทั้งที่เป็นร้านและแผงข้างถนนตลอดเส้นทาง ที่ดีมากสุดๆอีกอย่างก็คือหาที่แลกเงินได้ง่ายมาก ย้ำมากๆเลยเงินดอลล่าที่แลกมารักษาให้ดีอย่าให้ยับนะคะไม่งั้นเค้าจะไม่รับแลก เดินช้อปปิ้งกันจนเหนื่อยก็เลยใช้บริการนั่งรถม้าชมเมือง ค่ารถม้า คนละ IDR 25000 นั่งกันไป 4 คน นั่งกันซะเต็มอิ่ม












วันที่ 8 พฤษภาคม 2559 
ตื่นเช้าหลังทานอาหารเช้าอิ่มแล้วมีเวลานิดหน่อย ออกมาเดินเล่นตรงถนนเมื่อคืน อุ๊ย มีร้านเปิดแล้วด้วย ก็เริมกิจกรรมหลักกันอีกแล้ว Shopping กันวินาทีสุดท้าย




เช้านี้รถบัสจะต้องมาส่งคณะเพื่อเปลี่ยนรถเพื่อไปชมพระราชวังน้ำและพระราชวังสุลต่าน





ชมพระราชวังน้ำ (Taman Sari / water castle) 

พระราชวังน้ำ (Taman Sari) สระว่ายน้ำและแหล่งพักผ่อนของสุลต่านและพระสนมในอดีต สร้างขึ้นในราวปี .. 1765 มีส่วนของสระว่ายน้ำ โรงอาบน้ำโบราณ สวนพักผ่อน ห้องโถงและห้องจัดเลี้ยง ปัจจุบันได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 1865 แต่ก็ยังมีซากปรักหักพังของสระว่ายน้ำโบราณและตัวอาคารให้เข้าไปชมได้ นอกจากนั้นบางส่วนของพระราชวังก็ได้รับการบูรณะให้กลับมามีสภาพคล้ายของเดิมมากที่สุด ค่าเข้าชมคนละ Rp. 15,000
















ระหว่างรอรถมารับเพื่อไปชมพระราชวังสุลต่าน (Sultan Palace) 


ชมพระราชวังสุลต่าน (Sultan Palace) 


พระราชวังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นราว ..1756-1790 โดยสุลต่านผู้ครองเมืองในยุคนั้น สร้างขึ้นตามความเชื่อในศาสนาฮินดูเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล มีประตู 9 ชั้นและมีงานสถาปัตยกรรมชวาผสมดัชต์ ภายในตัวพระราชวังมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของสุลต่านและสมบัติโบราณล้ำค่ามากมายหลายชิ้น และมีอาคารสถานที่สำคัญหลายแห่งที่เปิดให้เข้าชมได้ ค่าเข้าชมคนละ Rp. 12,500 






























รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Mie PASAR BARU JAKARTA



ชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Affrandi Museum 
ค่าเข้าชมคนละ Rp. 50,000 รวมของที่ระลึกคนละ 1 ชิ้น และเครื่องดื่มด้วยค่ะ














เข้าพักที่ Rumah Mertua Boutique Hotel & Restaurant












รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม อาหารเป็น Indonesian Style 





หลังรับประทานอาหารเช้า มีเวลาได้ชื่นชมบรรยากาศสวยงามของโรงแรม แนวธรรมชาติ ไม่พลาดที่จะเก็บความทรงจำอันน่าประทับใจ
















ด้านหน้าก่อนจะเข้าไปที่ สนามบินอดิสุคิพโต (Adi Sucipto Airport) เมืองย็อกยาการ์ตา เป็นภาพ
บุโรพุทโธ สวยงาม


เดินทางจากสนามบินอดิสุคิพโต (Adi Sucipto Airport) เมืองย็อกยาการ์ตาด้วยสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ QZ7553 (นำหนักกระเป๋าซื้อไว้คนละ 10 กิโลกรัม) สู่สนามบิน Soekarno Hatta International Airport เมืองจาการ์ตา รอต่อเครื่อง รับประทานอาหารตามอัธยาศัย ระหว่างนี้ก็ไม่ควรพลาด 555 Shopping สถานีสุดท้าย มีร้านค้าให้เลือกซื้อหลายร้าน 


ที่สนามบิน Soekarno Hatta International Airport เมืองจาการ์ตา การตรวจเช็คน้ำหนักของกระเป๋า ตรวจเข้มตั้งแต่ Checkin ดีหน่อยที่เช็คน้ำหนักแบบกรุฟได้ แต่ห้ามเกิน ส่วนที่เกินจากน้ำหนักที่ซื้อไว้ก็ต้องถือขึ้นเครื่องซึ่งจำกัดอยู่ที่ 7 กิโลกรัมต่อคน บางคนน้ำหนักเกินก็ต้องฝากคนอื่นๆช่วยถือให้ จัดการกันสนุกสนาน เดินทางสู่สนามบินดอนเมือง โดยสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ QZ252
เวลาประมาณ 20.00 น. ถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รอรับกระเป๋า เรียบร้อย



เช้าวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เกิดทางกลับสุราษฎร์ธานี ด้วยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD7208



ตอนที่ 1 ตอนที่ 2

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ