ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 1 เดินทาง Hokkaido ซับโปโร โอตารุ ฟูราโน บิเอะ คิโรโระ ประเทศญี่ปุ่น 6 วัน 4 คืน 12-17 ตุลาคม 2559 (เตรียมตัว เดินทางวันแรก)

ตอนที่ 1 (12-13 ตุลาคม 2559 ) สุราษฎร์ธานี - สุวรรณภูมิ - สนามบินชิโตเซะ- เมืองฟูราโน่ ชม Ningle Terrace -  สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka)

ฮกไกโด เดิมเรียก เอะโซะ เป็นชื่อจังหวัดและเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศญี่ปุ่น รองจากเกาะ
ฮนชู แต่มีอุโมงค์ใต้ทะเลเซกังเชื่อมถึงกัน เมืองหลวงคือ ซัปโปะโระ

การเดินทางไปครั้งนี้ใช้บริการทัวร์ของบริษัท บอนด์สตรีททัวร์แอนด์ทราเวล จำกัด ค่าทัวร์คนละ 37,900 บาท จากสุวรรณภูมินะคะ  กรุ๊ปนึงมี 35 คน แต่ประกอบด้วยกลุ่มเล็กๆ 4 กลุ่ม คณะพวกเรามี 12 คน นำโดย พี่ตู่ พี่ยิ่ง น้าวัช เจ๊คุ่ย พี่แดง พี่อรัญ พี่แจ้ น้องแพร พี่นิพนธ์ น้องมล พี่ตุ๊ และน้องกิต ครั้งแรกคิดว่าอากาศจะสบายๆ ก็เตรียมเสื้อผ้าแบบสบายๆ แต่พอมาเช็คอุณหภูมิก่อนเดินทาง ว๊าว มีบางวันติดลบด้วย ต้องเปลี่ยนแผนการจัดเสื้อผ้าใหม่แล้วล่ะ สิ่งแรกที่ทำก็คือโพสบอกพี่ๆที่ไปด้วยว่าจะต้องเตรียมรับมือกันแล้วล่ะ


อิอิ กระเป๋าเลยเต็มไปตั้งแต่เมืองไทยแล้วล่ะ ไม่ประมาท คือว่าเคยเจอประสบการณ์อากาศหนาวที่ไม่ได้เตรียมรับมือช่วงที่ไปเกาหลี มีแต่เสื้อยืดแขนยาว+เสื้อยืดแขนสั้นมีกี่ตัวก็ใส่หมดเลย เดินบนถนนไม่ไหว ต้องหนีเข้าไปอยู่ที่ร้านค้า ที่มี Heater เจอครั้งนั้นกลัวเลย ครั้งนี้เลยจัดเต็มอย่างที่เห็นล่ะค่ะ ขอแนะนำนะคะถึงจะมีกระเป๋าใบใหญ่แล้ว ควรมีกระเป๋าใบเล็กเพื่อถือขึ้นเครื่องใส่ของใช้เล็กๆน้อยๆ จะได้หยิบใช้สะดวก เช่น ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เครื่องสำอางค์ชุดเล็ก เสื้อกันหนาวอีกซักตัวนึง ฯลฯ อ้อ Power Bank ก็ต้องใส่ใบกระเป็าใบเล็ก ห้ามโหลดใต้ท้องครื่องนะคะ


การแต่งกายก็สบายๆ ออกจากบ้านตั้งแต่ 9.00 น.กว่าจะถึง สนามบินนิวชิโตเสะ (New chitose Airport) ประเทศญี่ปุ่นก็วันพรุ่งนี้ 13 ตุลาคม 2559 น่าจะประมาณ 7.00 น. คงไม่มีเวลารื้อกระเป๋าใบใหญ่ มีอะไรก็เลยต้องฝากไว้ในกระเป็าใบเล็กนี่ล่ะคะ



ออกเดินทางไปสนามบินดอนเมือง โดยสายการบินนกแอร์ ครั้งนี้เป็นของว่าที่เสริฟบนเครื่องแปลกตาในทางที่ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล่องใส่ขนม เดิมจะเป็นถุงสีน้ำตาล น้ำดื่มก็เป็นขวดเล็กๆเหมาะที่จะพกติดตัว 






เมื่อเดินทางถึงสนามบินดอนเมือง พวกเราตัดสินใจทานอาหารเที่ยงที่สนามบินดอนเมือง แล้วต่อ Shuttle Bus ไปสนามบินสุวรรณภูมิ ขอย้ำว่าเราจะต้องเดินไปที่อาหารผู้โดยสารต่างประเทศนะคะ จะมีจุดจอดรับผู้โดยสาร
จุดขึ้นรถ
สนามบินดอนเมือง : ชั้น 1 ขาเข้า ประตู 8 (เดินออกจากสายพานรับกระเป๋าออกมาด้านนอก แล้วก็เลี้ยวซ้ายเดินผ่านบันไดเลื่อนผ่านลิฟท์ไปสุดอาคารจะเจอ ประตู 8 สุดอาคารพอดี
สนามบินสุวรรณภูมิ : ชั้น 2 ขาเข้า ป้ายรถเมล์ระหว่างประตู 2 และ 3
กรณีบินมาจากต่างประเทศ ออกทางประตู 3 ออกนอกอาคารไปรอตรงป้ายรถเมล์ได้เลย เช่นเดียวกันกับบินภายในประเทศก็ออกประตู 2 ออกมานอกอาคารตรงไปป้ายรถเมล์ได้เช่นกัน

เส้นทางการเดินรถ -- วิ่ง non-stop ไม่จอดรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างทาง
สนามบินดอนเมือง <--> ดอนเมืองโทลล์เวย์ (ลงด่านดินแดง) <--> ทางด่วนดินแดง-พระราม 9 <--> มอเตอร์เวย์ <--> สนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 

เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิหาที่นั่งพร้อมหาจุดให้บริการชาร์ทโทรศัพท์ฟรี สะดวกมากเลย แต่ก็ต้องเฝ้าตลอด กลัวมีใครมายืมไปใช้แบบถาวรน่ะค่ะ 555

จุดบริเวณติดตั้งอุปกรณ์ชาร์ทโทรศัพท์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ‏


ระหว่างรอเวลานัดกับไกด์ ก็ผลัดกันไปเดินเล่นที่สนามบิน พร้อมกับทานอาหารมื้อเย็นกันให้พร้อมก่อนเวลานัด นัดพร้อมกันที่ขาออกชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน ALANTIC AIRLINES (HB) เคาน์เตอร์ M   เวลา 20.00 น. มีน้องยงค์ เป็นไกด์ ในการเดินทางครั้งนี้ ไกด์ยงค์ให้บริการแลกเงินมาให้พวกเรา อัตราแลกเงิน 100 เยน = 34.5 บาท วันนั้นแลกไป 60,000 เยน คิดเป็นเงินไทย 60,000X.345 = 20,700 บาท เดินทางเที่ยวบิน HB7908

ใบตรวจคนเข้าเมือง หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่าใบ ตม. (Immigration Bureau)
คือเอกสารสำคัญสำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อเป็นหลักฐานว่าเราเดินทางเข้าออกประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายสำหรับคนไทยที่จะเดินทางไปต่างประเทศ จะได้ใบ ตม. (Thai Immigration Bureau) นี้มาตอนที่ทำการเช็คอินที่เคาเตอร์สายการบิน โดยจะแนบมาพร้อมกับใบบอร์ดดิ้งพาส (boarding pass) เมื่อได้มาแล้วขอให้กรอกรายละเอียดตัวเราลงไป จะใช้ปากกาสีดำ หรือน้ำเงินก็ได้ และต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษ

ใบ ตม. ไทย (Thai Immigration Bureau) จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
บัตรขาออก (Departure card) สำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเก็บไว้ตอนขาออกจากประเทศ
บัตรขาเข้า (Arrival card) สำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเก็บไว้ตอนขากลับเข้าประเทศ
กรอกรายละเอียดทั้ง 2 ส่วนให้ตรงกับในพาสปอร์ต ทั้งตัวสะกดและลายเซ็นต์ บัตรขาออกนี้เจ้าหน้าที่จะฉีกเก็บไว้ด้านหลังที่เขียนไว้ว่า เฉพาะชาวต่างชาติ (For Non -Thai Resident Only) เราไม่ต้องเขียนอะไรลงไป
ส่วนของบัตรขาเข้า (Arrival card) อันนี้จะอยู่กับพาสปอร์ตเราตลอดการเดินทางจนกลับถึงสนามบินบ้านเราอีกครั้ง ดังนั้นอย่าทำหาย แต่ก็อย่าตกใจไป เพราะถ้ามันหายขึ้นมาจริง ๆ ก็ขอใบใหม่จากแอร์โฮสเตสบนเครื่องตอนขากลับได้



การกรอกใบเข้าเมือง-ประเทศญี่ปุ่น

รายละเอียดการกรอกใบ ตม. ใบศุลกากร ประเทศญี่ปุ่น แบบใหม่ล่าสุด 2016
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 เป็นต้นไป สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น : Immigration Bureau of Japan หรือตม.ประเทศญี่ปุ่นได้แจ้งปรับเปลี่ยนรูปแบบฟอร์มใบตม.ขาเข้าออกของชาวต่างชาติใหม่โดยแบบฟอร์มใหม่จะไม่ต้องกรอกสัญชาติ เพศ ที่อยู่ในประเทศตนและหมายเลขหนังสือเดินทาง และจะเหลือเพียงหน้าเดียว (ต่างกับฟอร์มเดิมที่มีสองหน้า) เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการกรอกข้อมูลของชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าออกประเทศญี่ปุ่น 

แบบฟอร์มตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรญี่ปุ่นนั้น แอร์จะแจกให้เราตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินแล้ว แต่ถ้าใครไม่ได้รับก็สามารถไปหยิบได้ที่สนามบิน

ช่วงที่เดินออกมาทางศุลกากรจากสนามบิน บางคนเจ้าหน้าที่ก็ให้เปิดกระเป๋าเพื่อตรวจ บางคนเค้าก็ให้ผ่านไปได้เลย

เอกสารที่กล่าวมาข้างต้น ปกติถ้าเราไม่ได้เดินทางไปกับทัวร์ เราจะต้องกรอกเองทั้งหมด แต่ครั้งนี้เราลงชื่อให้เหมือนกับพาสปอต และลงรายละเอียดอาชีพของเราเท่านั้น แต่เราควรจะมีข้อมูลรายละเอียดสถานที่พัก จำนวนวันที่มาญี่ปุ่น วันที่กลับ เหตุผลที่มา จำนวนเงินที่นำมา เผื่อ ตม.เค้าถามจะได้ตอบได้
ระหว่างการเช็คอิน เคาน์เตอร์ที่เค้าเปิดทั้งหมดเป็นคนไทยทั้งหมดเลยค่ะ พนักงานต้อนรับก็เป็นคนไทย
ดีหน่อยที่บินตรงไปสนามบินนิววิโตเสะ ประเทศญี่ปุ่นใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง + 2 ชั่วโมง เพราะเวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง ออกเดินทาง 23.05 น. ถึงเวลา 07.55 น. มีอาหารเช้าบริการก่อนเครื่องลง

เมื่อเดินทางถึงสนามบินนิวซิโตเสะ ประเทศญี่ปุ่น  สนามบินนิวชิโตเสะ(New Chitose Airport หรือ Shin-Chitose Airport) เป็นสนามบินหลักของเมืองซัปโปโร ห่างจากใจกลางเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร และยังเป็นสนามบินที่คึกคักแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย เที่ยวบินที่มาจากโตเกียวก็จะมาลงที่สนามบินแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ ส่วนเที่ยวบินต่างประเทศมีบ้างเล็กน้อย นอกจากนี้ซัปโปโรยังมีสนามบินอีกแห่งหนึ่งคือ สนามบินโอคาดามะ(Okadama Airport) ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองมากกว่า แต่มีขนาดเล็กกว่า และรองรับเที่ยวบินได้น้อยกว่า


พวกเรานั่งด้านหน้าเลยได้ผ่านด่าน ตม.เป็นทีมแรก  แต่ก็มารอกระเป๋าอยู่กว่าจะได้กระเป๋าครบ ไก้ด์ยงค์ให้ออกมานั่งรอด้านหน้า Hokkaido Tourist Information Center รอสมาชิกท่านอื่นๆ และรถที่มารับพร้อม











ไกด์ยงค์ มีบริการ Pocket WIFI ด้วย แต่ WIFI ของรถก็มีให้บริการตลอดการเดินทางเร็วด้วย อิอิ เพราะนั่งด้านหน้าๆ ก็เลยอยู่ใกล้ได้สัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบเต็มๆ

จุดแรกสำหรับวันนี้คือ Ningle Terrace เป็นสถานที่ที่รวมร้านขายสินค้าไว้มากมาย ... Ningle Terrace
ตั้งอยู่ในภายในบริเวณโรงแรม New Furano Prince ซึ่งเป็น 1 ใน 2 สกีรีสอร์ทของเมือง Furano  Ningle Terrace เป็นจุดรวมของฝากของเมืองฟุระโนะ (Furano) ในฮอกไกโด ประกอบด้วยทางเดินไม้น่ารัก ๆ และร้านค้าสินค้าที่ระลึกและร้านขนมสไตล์ฮอกไกโดเรียงรายกันไปหากใครมาพักโรงแรมนี้ หรือมาขึ้นกระเช้าขึ้นเขา Furano Ropeway เพื่อชมวิวเมือง ก็สามารถเดินแวะมาช้อปที่นี่ได้ Ningle Terrace ตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของโรงแรม New Furano Prince Hotel จัดไว้เป็นพื้นที่สำหรับขายสินค้าพื้นเมืองจำพวกงานฝีมือต่าง ๆ โดยทำเป็นกระท่อมเป็นหลัง ๆ อยู่บนเนินท่ามกลางป่าไม้ที่ร่มรื่น มีทางเดินไม้กระดานไปถึงกันได้ ภายในร้านจะมีคนมาทำงานฝีมือให้ดูแต่ละชิ้นพร้อมกับขายไปด้วย แต่พวกเราเข้าไปมีร้านเปิด 2-3 ร้าน ได้เพียงถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอากาศเย็นมากเลย เป็นจุดแรกที่แวะชมไม่คิดว่าหนาวขนาดนี้ เตรียมแต่เสื้อกันหนาว ถุงมือไม่ได้เตรียมลงมาเลย... ถ่ายภาพด้านหน้าได้แสงแดดช่วยไว้ แต่พอเดินเข้าไปชมร้านค้าปกคลุมไปด้วยต้นไม้...แสงแดดไม่ถึง....อุย หนาวมากๆๆๆๆ


















รับประทานอาหารกลางวันที่ Herb hill furano อาหารบุฟเฟ่ เลือกทานได้อิสระ มีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากลาเวนเดอร์หลากหลายเลยล่ะค่ะ เสียดายนิดๆที่ไม่ตัดสินใจซื้อซะตอนนั้น เพราะจะมาซื้อวันหลังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการไม่ได้ซะแล้ว เสียดายจัง...






สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka)






















เข้าพักที่- Hotel BearMonte ครั้งแรกโชเฟอร์จอดผิดโรงแรมจอดที่ Hotel Deervalley พวกเราตื่นเต้นกับหิมะบริเวณโรงแรมมากรีบถ่ายภาพกันใหญ่เลย พอจะไป check in 555 ไม่ใช่ ต้องขึ้นไปด้านบนอีก ผิดหวังนิดๆ ว๊าวๆๆแต่พอๆไปถึงจริงๆลานหิมะกว้าง สวยมากๆๆ







ขอเก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนที่จะ check in เพราะถ้าจะเดินเล่นบนหิมะจริงๆ คงต้องใส่บู้ทล่ะ รองเท้าที่ใส่อยู่ไม่ไหวแน่ๆ








ห้องพักก็จัดแบบเรียบง่าย มีเครื่องดื่มและยูกะตะให้ใส่ด้วย





ขอเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อโค้ดสีดำ อากาศเย็นมาก อ้อ รองเท้าบู้ทที่โรงแรมเค้ามีวางไว้ตามไซต์ให้เลือกได้ พวกเราไม่ทราบว่าเค้ามีให้เช่า คิดว่าเป็นบริการของโรงแรม ตอนเช้าก็มาหยิบใส่กันอีกแต่พนักงานบอกว่าให้เช่า จำราคาไม่ได้แต่ถ้าคิดเป็นเงินไทยไม่น่าจะเกิน 10 บาท เล่นหิมะกันสนุกสนานหนาวมากต้องใส่ถุงมือตลอดเลย มีปัญหาช่วงที่จะต้องเป็นตากล้องทรมานมากๆๆ 






















จากนั้นก็มานั่งพักกันที่ lobby รอทานอาหารมื้อเย็น มีมุมขายของที่ระลึกเจอขอชอบอีกแล้ว สมุดบันทึกเล่มเล็กๆ เล่มละ 410 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 140 กว่าบาท



เดินทาง 2 กับ 1 คืน อยากพักผ่อนมากๆ กลางคืนมีกิจกรรมที่หลายคนสนใจก็คือออนเซน(Onsen)นั่นเอง
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีมาอย่างยาวนาน ซึ่งเรียกว่าเป็นชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ น้ำแร่ในออนเซน หรือบ่อน้ำพุร้อนของญี่ปุ่น เกิดจากจากการที่น้ำซึมผ่านชั้นของดิน และหิน โดยจะมีแร่ธาตุต่างๆ สะสมอยู่ เช่น โซเดียม แคลเซียม ฟลูออไรด์โพแทสเซียม เรื่องของประโยชน์การแช่ออนเซนนั้นก็มีมากมายนับไม่ถ้วน อาทิเช่น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ระบบการหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น การบรรเทาอาการปวดเมื่อยต่างๆ อิอิ คืนนี้ขอขอนก่อนนะคะ เจอกันพรุ่งนี้นะจ้ะหิมะแสนสวย


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ