ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 2 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 2 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4  ตอนที่ 5  ตอนที่ 6


10 เมษายน 2560 ตื่นเช้ามา ว๊าววว หิมะเต็มพื้นบริเวณโรงแรม เก็บภาพกันเพลินเลยล่ะค่ะเช้านี้มีแพลนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 (น้าวัช น้องเอ๊ต น้องเขม น้องภัทร พี่แดง พี่ตุ๊ น้องกิต น้องพลอย) เดินทางบริเวณรอบๆเมือง Leh แพลนวันนี้มีหลายที่ที่จะแวะเยี่ยมชมกัน ทางเจ้าของโรงแรมแนะนำว่าวันนี้เราควรไปเที่ยวที่ไม่สูงมาก ต้องให้ร่างกายได้ปรับตัวอีกซัก 1 วัน ดังนี้

1. แม่น้ำ 2 สี

2.Alchi Gompa

3. Likir Gompa

4. Basgo Castle

5. Shey Palace

6. Leh Palace

กลุ่มที่ 2 (พี่ตู่ พี่ยิ่ง พี่อรัญ พี่แจ้ เจ๊กุ๋ย พี่มล พี่นิพนธ์ น้องมล )วางแผนกันว่าจะเที่ยวบริเวณในเมือง Leh เพราะสมาชิกส่วนหนึ่งมีอาการป่วย ขอเที่ยวเบาๆ หน่อย


ก่อนออกจากโรงแรมวันนี้ กลุ่มที่จะไปนูบราห์และทะเลสาบปันกอง (น้าวัช น้องเอ๊ต น้องเขม พี่แดง พี่ตุ๊ น้องกิต น้องพลอย) เตรียม Passport และเงินคนละ 650 รูปี เพื่อให้เจ้าของโรงแรมยื่น Permit เข้า นูบราห์ และ ทะเลสาบปันกอง




























จุดแรกของวันนี้ ก็คือ แม่น้ำ 2 สี หุบเขาซันสการ์ ( Zanskar ) แม่น้ำสองสี

เดิมเคยถูกเรียกว่าเป็นเมืองลับแลแห่ง หลังคาโลก เพราะถูกปิดล้อมไปด้วยเทือกเขาสูงชันทางใต้ของเลห์ซึ่งมีแม่น้ำสินธุ ( Indus) เป็นสีเขียว และแม่น้ำซันสการ์ ( Zanskar ) จะออกสีน้ำตาล ไหลเลียบขอบเขามาบรรจบกันกลายเป็นแม่น้ำสองสี แต่ในช่วงหน้าหนาวแม่น้ำทั้งสองสายจะกลายเป็นธารน้ำแข็ง เป็นเส้นทางแทรคกิ้งของนักท่องเที่ยว ที่ต้องการการท้าความเย็นที่อุณภูมิติดลบกว่า 20 องศา













































































จุดที่ 2 Alchi Gompa วัดอัลชิ ตั้งอยู่บนพื้นราบระหว่างหุบเขาซึ่งต่างไปจากการตั้งวัดโดยทั่วไปของชาวทิเบตโบราณที่ตั้งบนเนินเขา วัดอัลชิ มีร่องรอยการเริ่มต้นของศิลปะทิเบตโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดซึ่งหาดูไม่ได้แล้วที่ทิเบตของเขตประเทศจีน รัฐบาลอินเดียจึงยกวัดอัลชิ เป็นมรดกของชาติแห่งหนึ่ง บริเวณรอบวัดอัลชิ ด้านหนึ่งเป็นวิวร่องเขาที่มีแม่น้ำสินธุผ่านกลาง และพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านโดยรอบ


เดินผ่านร้านอาหารร้านแรกมีห้องน้ำสะอาดให้ใช้ฟรี จะจ่ายเงินค่าเข้าห้องน้ำก็ไม่รับ มีน้ำใจมากๆ ตอนแรกพวกเรากะว่าจะอุดหนุนอาหารมื้อเที่ยงที่ร้านนี้ แต่ปรากฏว่าเป็นอาหารพื้นเมืองเราคงทานไม่ได้แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจไม่ทานอาหารเที่ยงที่ร้านนี้































เดินชมบรรยากาศภายในวัดอัลชิ จะมีร้านขายของที่ระลึกและมีชนพื้นเมืองนั่งถักสินค้าด้วยตัวเองสดๆเลยค่ะ


















เสร็จจากการชมวัดอัลชิ และ ระหว่างรอสมาชิกอื่นๆที่รถ จะมีร้านค้าเล็กๆขายมาม่า และขายขนม ช่วงนี้พวกเรารู้สึกหิว น้าวัช เป็นแนวหน้าสั่งต้มมาม่ามากิน สักครูสมาชิกคนอื่นๆก็ลองสั่งมาทานด้วย ส่วนกลุ่มที่ไม่มั่นใจก็ขอซื้อขนมปังมากินแทนก็แล้วกันพอประทังความหิวไปก่อน...ผ่านมื้อเที่ยงไปได้แบบทุลักทุเล......


จุดที่ 3 Likir Gompa วัดลิกีร์ Likir Gompa วัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรย์ ขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยลามะน้อยๆ ไปจนถึง ลามะอาวุโส ที่วัด Likir จะมีลามะเยอะมากเหมือนเป็นโรงเรียน จุดตรงนี้ระหว่างที่เดินลงมาจากรถเข้าไปที่โรงเรียนใกล้ๆกับวัดวิกีร์ เดินนิดเดียวก็รู้สึกเหนื่อย เลยเดินเข้ามาได้นิดเดียว แต่สายแข็งอย่างน้องเอ๊ด น้องเขม ต้องยอมเค้าล่ะ....










































ระหว่างหาทางขึ้นไปวัดลิกีร์ Likir Gompa วัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรย์ ขนาดใหญ่ น้องกิตกับน้องพลอย พยายามหาทางขึ้นที่ไม่ชันมาก น้องพลอยกำลังจะถอดใจไม่ขึ้นไปที่วัด อุ๋ย ถ้าไม่ขึ้นไป เสียดายแน่เลย ถึงจะรู้สึกเหนื่อยมากแต่ก็พยายามเดินไปช้าๆเดินไปหยุดไป สวนทางกับลามะ โดยเฉพาะลามะน้อยน่ารัก แก้มแดงเชียว หิมะปกคลุมทั่ววัด หนาวมากๆ หันไปทางไหนก็มีแต่สีขาว
































































































































จุดที่ 4 Basgo Castle

เสียดายมากวันนี้ที่ Basgo Castle เค้าปิด พวกเราทำได้เพียงถ่ายภาพด้านนอกเท่านั้น
















ช่วงนี้ถือโอกาสถ่ายภาพที่เล่นกับเงา สนุกด้วย ได้ภาพสวยๆมาด้วย







































ระหว่างเดินทางกลับแวะทานอาหารกันร้านอาหารที่ขายเฉพาะโมโม่ ก็เลยนั่งร้านขายโมโม่ และสั่งหมี่ผัดจากอีกร้านมาทาน คงจะเพราะไม่เคยชินกับอาหารที่นี่ ทานได้นิดหน่อยพอปะทังความหิว ทานขนมปังกรอบและช็อกโกเล็ตแทน......












บริเวณที่แวะทานอาหาร

























จุดที่ 5 Shey Palace

พระราชวังเชย์ เมืองหลวงเก่าแก่ของลาดักในช่วงก่อนศตวรรษที่ 15 ... พระราชวังฤดูร้อนที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมามากกว่า 500 ปี ของกษัตริย์ผู้เคยยิ่งใหญ่ในอดีต พระราชวังเช : มีพื้นที่ครอบคลุมถึงพระราชวัง พระอาราม และผืนดินรอบๆบนเนินเขา ทางตะวันออกของไฮเวย์สายเลห์-มะนาลี หรือราว 15 กิโลเมตรทางเหนือของตัวเมืองเลห์ พระราชวังหลวงและพระอารามสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ และประดิษฐานพระพุทธรูปทองแดงที่สูงใหญ่ขนาดตึกสามชั้น กษัตริย์ Deldan Namgyal สร้างพระราชวังเช ที่เมืองลาดัก ราวปี A.D. 1650 โดยโปรดเกล้าให้สร้างสถูป Numgyal Chorten หรือสถูปแห่งชัยชนะ (Victory Stupa) ที่ด้านบนของสถูปสร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์ขึ้นมาด้วย … ต่อมาในปี 1834 AD กษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมดได้ย้ายไปอยู่ที่พระราชวัง Stok Palace

มาถึง Shey Palace เริ่มจะเหนื่อยแล้วล่ะ มาเจอกับนักท่องเที่ยวไทยคณะใหญ่ เห็นยังคึกคัก ถ่ายกาพกันสนุกเชียว แต่ซักครู่ก็เริ่มได้ยินเสียงหอบ...คงใช้พลังงานช่วงแรกในการโพสท่าถ่ายรูปกันล่ะซิ น้องกิต น้องพลอย พี่ตุ๊ พี่แดง ก็เดินไปเรื่อยๆ แวะพักตลอดทางพร้อมจิบน้ำดื่ม...เมื่อมีอาการคอแห้งต้องจิบน้ำทันที


























































































จุดที่ 6 . Leh Palace พระราชวังเลห์ (Leh Palace) เป็นพระราชวังที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางเมืองเลห์ ขนาดความสูง 9 ชั้น มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับพระราชวังโปตาลาในทิเบต คือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน จุดนี้เหนื่อยสุดๆ แทบจะขึ้นไม่ไหวแล้ว ทางขึ้นก็แคบๆต้องเดินระวังที่สุดกลัวสะดุดล้มจังเลย แต่พอขึ้นมาด้านบนจะมองเห็นตัวเมืองเลห์ชัดเจน เครดิต: ภาพสวยๆของน้องพลอย เห็นเมืองเลห์ยามเย็นชัดเจน อยู่บน Shey Palace ก็จะเห็นเมืองเลห์ แต่จะเป็นอีกมุมอีกบรรยากาศ...ให้ความรู้สึกต่างกันจริงๆ







































































































































































ก่อนกลับโรงแรมแวะซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋อง ที่หน้าโรงพยาบาล มีของน้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง น้องเขม มีติดตัวไว้ดีกว่าจะได้ใช้สะดวกๆ

วันนี้เที่ยวหลายที่หน่อยรายการสุดท้าย Leh Palace เย็นมาก ทั้งเหนื่อยทั้งหนาวแทบจะไม่ไหวเลยค่ะ ดีที่ได้ดื่มน้ำตลอดช่วยได้เยอะทีเดียว ลูกอมและชอกโกเล็ตด้วย...กลับถึงโรงแรมขอนอนพักก่อน 2 ชั่วโมงไม่ไหวจริงๆ มื้อเย็นวันนี้อิ่มได้ด้วยม่าม่า..จากเมืองไทยค่ะ ประมาณ 2 ทุ่มจะต้องลงมาคุยกับเจ้าของโรงแรมเรื่องวางแผนการเที่ยวพรุ่งนี้ และ เรื่องการไปนูบรา วัลเวล์ และ ทะเลสาบปันกอง ซึ่งเจ้าของโรงแรมแจ้งว่าตอนนี้เว้นทางปิด ต้องรอเช็คข้อมูลวันต่อวัน...ถ้าไปนูบราไม่ได้...จะต้องขอ Refund ค่าโรงแรม น้องพลอย โทรคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เค้าให้ที่อยู่ไว้ แต่คนที่รับสายก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ รอเค้าเข้าสำนักงานและจะติดต่อกลับมาที่โรงแรมที่เลห์...อีกครั้ง....การสื่อสารค่อนข้างยาก เจ้าของโรงแรมใจดีมากเลยให้ใช้โทรศัพท์มือถือของเค้าเพื่อส่งข้อความแจ้งปัญหา และรอเค้าติดต่อกลับมาในวันพรุ่งนี้ประมาณ 10.00 น...

ระหว่างนี้น้องเอ๊ตมีปัญหาปริมาณอ๊อกซิเจนในร่างกายน้อย มาตรวจด้วยเครื่องตรวจปลายนิ้ว เจ้าของโรงแรมต้องรีบนำอ๊อกซิเจนให้เกือบครึ่งชั่วโมง จนเกือบปกติ น้องมลก็มีปัญหาเลือดกำเดาไหล...โดยไม่ทราบสาเหตุ และเป็นไข้เล็กน้อย


ซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋องมา ก็ฝึกใช้ไปหลายครั้ง รู้สึกว่าจมูกโล่งเลยล่ะ คืนนี้ก็ขอบคุณพนักงาน...สำหรับกระเป๋าน้ำร้อน ที่ทำให้เรานอนหลับสบายตลอดคืน

ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4  ตอนที่ 5  ตอนที่ 6

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ท่องเที่ยว ณ JEJU เกาหลีใต้

2-6 เมษายน 2558 เกาะเชจู เมืองมรดกโลก ที่องค์การ UNESCO ให้รางวัลเกาะเชจูเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลก The World's new 7 wonders of nature เพราะเกาะเชจูเป็นเกาะที่เกิดใหม่จากภูเขาไฟ วันที่ 2 เมษายน 2558 ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 น.ใช้บริการ Driver กิตติมศักดิ์คนเดิมอีกเช่นเคย พี่ตุ๊พี่สาวที่น่ารักนั่นเองให้บริการทุกครั้งไม่เคยบ่น น่ารักจังพี่สาวเรา ถึงโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา รอรับพี่สมชาย และน้องตี๋ เพื่อนร่วมเดินทางไป เจจู ทริปนี้ค่ะ สมาชิก 20 คนนำทีมโดยพี่ตู่กับพี่ยิ่งค่ะ บางส่วนก็เดินทางล่วงหน้าไปกทม.ก่อนแล้ว สำหรับคณะที่เดินทางวันนี้ นัดกันที่สนามบินสุราษฎร์ธานี เดินทางไปกรุงเทพมหานครด้วยเที่ยวบิน DD7213. Nok Air เวลา 14.20 ถึง กทม.เวลา 15.30 มีเวลาเหลือเฟือทัวร์นัดรวมพลกันเวลา 23.00 ตัดสินใจเดินทางด้วย Shuttle Bus ฟรี  เจ้าหน้าที่ขอตั๋วพวกเราไม่มีแต่ใช้ตารางการเดินทางไปเกาหลีได้รถออกเวลา 16.00 น. ฟรีแต่ว่าร้อนมากๆ แต่ก็อดทนล่ะประหยัดค่า taxi ไปเกือบพันบาทเพราะถ้าเดินทางด้วย Taxi จะต้องใช้ 2 คัน ร้อนหน่อยก็ถือว่า

ตอนที่ 1 เดินทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน วันที่ 6-12 ธันวาคม 2559(1)

วันที่ 6-7 ธันวาคม 2559 ตอนที่ 1   ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4   ตอนที่ 5 วันที่ 6 ธันวาคม 2559 เดินทางจากสนามบินสุราษฎร์ธานี เวลา 14.50 สู่สนามบินเชียงใหม่ เวลา 16.45  โดยสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบิน FD 5421 ถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็ชินตากับมุมที่เค้าจัดดอกไม้ต้อนรับ ปีที่ผ่านมาก็เจอภาพนี้ เห็นครั้งแรกตื่นเต้นถ่ายภาพไปหลายภาพ รวมพลกันเรียบร้อย พี่ตู่ พี่ยิ่ง หัวหน้าคณะก็ออกไปติดต่อรถตู้ที่เช่าไว้ ออกไปรอด้านหน้าสนามบินแป๊บนึงรถก็มารับนำพวกเอาไปแวะเยี่ยม อ.สุรีย์  หลังจากนั้นก็แวะรับประทานอาหารเย็นที่ ล้านกินเส้น อาหารมีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารทางเหนือ อาหารทั่วๆไป สั่งได้ อ้อ มีบริการชาเขียวฟรีด้วย ถามๆที่พี่เค้าสั่งมาทานกัน ข้าวซอย ร้านนี้อร่อยค่ะ เสียดายไม่ได้สั่งไปสั่งเย็นตาโฟ เดินทางไกลเลยอยากจะทานอะไรร้อนๆ......อิอิ ไม่อร่อยเลยค่ะ อาหารญี่ปุ่นพวกปลาปริมาณค่อนข้างน้อย ถ้าจะทานให้อิ่มน่าจะต้องสั่งมาทานซัก 2 อย่าง ทางอาหารอิ่มแล้วก็ไปช้อปปิ้ง Gift fair ที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมเชียงใหม่ได้กระเป๋าเป้ Mads in Thailand ใบละ 250 มา