ตอนที่ 3 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (11 เมษายน 2560 LEH)
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6
วันที่ 11 เมษายน 2560 วันนี้เน้นเที่ยวบริเวณใกล้ๆในเมือง เมื่อวานเที่ยวหลายที่มาก จุดสุดท้ายคือ Leh Palace แทบจะไม่ไหวคอแห้งต้องเดินจิบน้ำตลอด เดินไปนิดเดียวก็ต้องหยุดพักแล้ว วัดปริมาณออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้วเมื่อวานจะต่ำกว่าวันที่มาถึง ดีที่เมื่อวานตอนเย็นได้ซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋องได้ใช้เมื่อคืนทำให้สดชื่นขึ้นเยอะเลย ไม่งั้นตอนกลางคืนเหมือนกับหายใจไม่ค่อยเต็มปอดเลยล่ะ เมื่อคืนพี่ตู่ เลยแนะนำเส้นทางที่กลุ่มที่ 1 ไปเมื่อวานเที่ยวแบบสบายๆ เห็นรายการแล้ววันนี้คงได้ Shopping กันเต็มที่แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจแลกเงินเพิ่มอีก 100 ดอลล่าห์ ได้มา 6,200 รูปี นอกจากแลกเงินแล้วสิ่งที่เราต้อง
เตรียมติดตัวเราไปด้วยก็คือซื้อน้ำดื่มเตรียมไปวันละ 2 ขวด วันนี้เริ่มมีอาการปากแห้งแตกเป็นแผ่นแล้วล่ะ ครีมบำรุงผิวกับลิปที่ใช้เอาไม่อยู่....วันนี้จะต้องหาซื้อเครื่องสำอางค์ Himalaya เคยซื้อใช้ครั้งที่ไปเที่ยวสิขิม...ยังติดใจอยู่นะนี่...วันนี้มีสมาชิกร่วมเดินทาง 10 คน (น้าวัช น้องเอ็ต น้องเขม น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง น้องภัทร พี่อรัญ และพี่แจ้ )
จุดที่สอง ก็ปิดอีก.....Women’s Alliance of Ladakh (WAL) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมฝีมือแรงงานของหญิงชาวลาดักกว่า 100 หมู่บ้านทั่วลาดัก ที่ศูนย์นี้นอกจากเป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครแล้ว ก็มีร้านจำหน่ายสินค้าหลายชนิดที่ผลิตจากฝีมือชาวบ้านและเพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้านโดยตรง ผ้าคลุมไหล่แต่ละผืนจะติดป้ายบอกชื่อผู้ถักทอและชื่อหมู่บ้าน ที่ศูนย์ WAL นี้มักมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น เทศกาลอาหารพื้นเมือง มีการแสดงของคนพื้นเมือง การสาธิตการประดิษฐ์งานฝีมือ การทอผ้า และอื่นๆ ติดตามข่าวสารกิจกรรมได้จากป้ายประกาศที่ติดไว้ตามที่ต่างๆทั่วเมืองเลห์
จุดที่สาม ว๊า ปิดอีกแล้ว....Hall of Fame เป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินเมืองเลห์ บริเวณด้านในจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชาวลาดักห์ สัตว์พื้นเมืองต่างๆ ข้อมูลสงครามระหว่างอินเดียกับปากีสถาน บริเวณเมืองคาร์กิล การใช้ชีวิตของทหารในช่วงฤดูหนาวอันหนาวเหน็บที่มีหิมะตกบนเทือกเขาหิมาลัยที่นี่ถ้าเอากล้องเข้า ต้องจ่าย คนละ 50 รูปี
จุดที่ 4 วัดสปิตุก ( Spituk Gompa ) ห่างจากตัวเมืองเลห์ ระยะทาง 8 กิโลเมตร ชื่อของวัดเป็นภาษาทิเบตมีความหมายว่าเป็นแบบอย่าง หรือ ต้นแบบ ดังนั้นวัดสปิตุก จึงเป็นวัดต้นแบบของวัดหลายแห่งในลาดักห์ มุมสูงของวัดนี้อีกด้านสามารถมองเห็นการขึ้นลงของเครื่องบิน และอีกด้านเป็นที่ราบบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำสินธุ ถ้ามาหน้าร้อนคงได้ภาพแม่น้ำสีใส ตัดกับภูเขาสีน้ำตาล หน้าฉากเป็นพันธุ์ไม้สีเขียวสบายตาไปอีกแบบ
จุดนี้เราสามารถมองเห็นสนามบิน ได้เห็นทั้งเครื่องบินขึ้นและเครื่องบินลง
นางแบบให้ความร่วมมือในการถ่ายภาพมากเลยค่ะ
อากาศหนาวมาก มานั่งรับแดดที่นี่ ค่อยรู้สึกอุ่น ใกล้ๆที่นั่งตรงนี้ก็จะมีร้านกาแฟ ร้านขายขนม และของที่ระลึก
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6
วันที่ 11 เมษายน 2560 วันนี้เน้นเที่ยวบริเวณใกล้ๆในเมือง เมื่อวานเที่ยวหลายที่มาก จุดสุดท้ายคือ Leh Palace แทบจะไม่ไหวคอแห้งต้องเดินจิบน้ำตลอด เดินไปนิดเดียวก็ต้องหยุดพักแล้ว วัดปริมาณออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้วเมื่อวานจะต่ำกว่าวันที่มาถึง ดีที่เมื่อวานตอนเย็นได้ซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋องได้ใช้เมื่อคืนทำให้สดชื่นขึ้นเยอะเลย ไม่งั้นตอนกลางคืนเหมือนกับหายใจไม่ค่อยเต็มปอดเลยล่ะ เมื่อคืนพี่ตู่ เลยแนะนำเส้นทางที่กลุ่มที่ 1 ไปเมื่อวานเที่ยวแบบสบายๆ เห็นรายการแล้ววันนี้คงได้ Shopping กันเต็มที่แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจแลกเงินเพิ่มอีก 100 ดอลล่าห์ ได้มา 6,200 รูปี นอกจากแลกเงินแล้วสิ่งที่เราต้อง
เตรียมติดตัวเราไปด้วยก็คือซื้อน้ำดื่มเตรียมไปวันละ 2 ขวด วันนี้เริ่มมีอาการปากแห้งแตกเป็นแผ่นแล้วล่ะ ครีมบำรุงผิวกับลิปที่ใช้เอาไม่อยู่....วันนี้จะต้องหาซื้อเครื่องสำอางค์ Himalaya เคยซื้อใช้ครั้งที่ไปเที่ยวสิขิม...ยังติดใจอยู่นะนี่...วันนี้มีสมาชิกร่วมเดินทาง 10 คน (น้าวัช น้องเอ็ต น้องเขม น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง น้องภัทร พี่อรัญ และพี่แจ้ )
จุดแรกที่เราไปวันนี้ก็คือพิพิธภัณฑ์ แต่เสียใจด้วยค่ะวันนี้ปิด
จุดที่สอง ก็ปิดอีก.....Women’s Alliance of Ladakh (WAL) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมฝีมือแรงงานของหญิงชาวลาดักกว่า 100 หมู่บ้านทั่วลาดัก ที่ศูนย์นี้นอกจากเป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครแล้ว ก็มีร้านจำหน่ายสินค้าหลายชนิดที่ผลิตจากฝีมือชาวบ้านและเพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้านโดยตรง ผ้าคลุมไหล่แต่ละผืนจะติดป้ายบอกชื่อผู้ถักทอและชื่อหมู่บ้าน ที่ศูนย์ WAL นี้มักมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น เทศกาลอาหารพื้นเมือง มีการแสดงของคนพื้นเมือง การสาธิตการประดิษฐ์งานฝีมือ การทอผ้า และอื่นๆ ติดตามข่าวสารกิจกรรมได้จากป้ายประกาศที่ติดไว้ตามที่ต่างๆทั่วเมืองเลห์
จุดที่สาม ว๊า ปิดอีกแล้ว....Hall of Fame เป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินเมืองเลห์ บริเวณด้านในจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชาวลาดักห์ สัตว์พื้นเมืองต่างๆ ข้อมูลสงครามระหว่างอินเดียกับปากีสถาน บริเวณเมืองคาร์กิล การใช้ชีวิตของทหารในช่วงฤดูหนาวอันหนาวเหน็บที่มีหิมะตกบนเทือกเขาหิมาลัยที่นี่ถ้าเอากล้องเข้า ต้องจ่าย คนละ 50 รูปี
ทำได้เพียงถ่ายภาพด้านนอก
นางแบบให้ความร่วมมือในการถ่ายภาพมากเลยค่ะ
จากนั้นก็กลับไปโรงแรม น้องมล เป็นไข้นอนพักอยู่ที่โรงแรม พี่ตู่สั่งอาการกลางวันของโรงแรมไว้ให้ อาการยังไม่ดีขึ้น หลังทานกลางวันเสร็จ น้องมลตัดสินใจขอไปโรงพยาบาล รถก็เลยไปส่งคณะที่ตลาด Bazzar และจะมารับเวลา 4 โมงเย็น น้าวัชไปโรงพยาบาลกับน้องมล กลุ่มที่อยู่ตลาดมีเวลาพอสมควร ก็เดินหาร้านอาหาร....ร้าอาหารหายากมาก...จะไม่มีหน้าร้านด้านล่าง..จะต้องขึ้นบันไดแคบๆ ขึ้นไปประมาณ 2-3 ชั้น จึงจะมีร้านอาหาร...กว่าจะถึงร้านอาหารรู้สึกเหนื่อยมากหน้ามืดเลยล่ะ ก็ยืนนิ่งๆครู่นึงจึงจะรู้สึกดีขึ้น อาหารก็จะเป็นแบบเดิมๆ คือหมี่ผัดแห้ง หมี่น้ำ....น้ำซุป...
ระหว่างนั่นทานอาหารกันพี่ตุ๊เริ่มมีอาการผิดปกติ...สังเกตุอาการเหมือนจะอาเจียน...เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาล พอลงจากร้านอาหาร ก็ลงมานั่งและให้อ๊อกซิเจนกระป๋อง บรรเทาอาการ โชคดีมากเห็นน้าวัชเดินมาพอดี หลังจากส่งน้องมลที่โรงแรมก็มาเดินที่ตลาด เลยชวนน้าวัชไปโรงพยาบาลอีกครั้ง...ไปแท็กซี่ พอไปถึงโรงพยาบาล ต้องใช้ Passport ดีที่มีสำเนา Passport ฉบับจริงใช้ยื่นขอ Permit ไปนูบรา กับทะเลสาบปันกอง....การเดินทางไปต่างประเทศนอกจากมี Passport ฉบับจริงแล้ว สำเนา Passport ก็สำคัญควรมีติดตัวอยู่ด้วยเสมอ กรณีนี้ก็เช่นกัน ดีที่มีสำเนาเลยใช้ยื่นที่แผนกลงทะเบียนคนไข้ จ่ายเงิน 5 รูปี หลังจากนั้นก็ไปรอที่หน้าห้องตรวจที่ระบุในเอกสาร ต้องเข้าแถวรอหน้าห้องเลยไม่มีการเรียนตามลำดับ พอถึงคิวเค้าบอกว่าให้เข้าไป One by One แต่พอบอกว่าต้องเข้าไปช่วยเรื่องภาษา เค้าก็อนุญาตให้เข้าไป เรื่องภาษาที่เกี่ยวกับอาการป่วยก็สำคัญ น้องพลอยช่วยได้เยอะ สื่อสารกับหมอ อธิบายอาการ หมอขอดูยาที่ทานอยู่ปกติ หมอห้ามทานยาฆ่าเชื้อ และเขียนใบสั่งยาให้ไปซื้อที่หน้าโรงพยาบาลราคายา 82 รูปี กินยาที่ซื้อมา ไม่เกิน 30 นาที อาการดีขึ้น พวกเราก็ตัดสินใจกลับไปที่ตลาดอีกครั้ง มีเวลาประมาณ 30 นาที ก็ตัดสินใจซื้อของอย่างรวดเร็ว เป้าหมายคือซื้อเครื่องสำอาง Himalaya ได้โฟมล้างหน้าของฝากน้องฟ้า ลิฟปาล์ม แฮร์ออย....และเก็บภาพบรรยากาศตลาด วันนี้เวลาน้อยคงต้องหาเวลากลับมาซื้อของที่ตลาดอีกครั้งมีของอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ซื้อ..... Market ร้านค้าในอาคารแบบตึกแถวบนถนน Main Bazzar อยู่เยื้องกับ Himalaya Shopping Complex,Dzomsa จำหน่ายของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ ฝีมือชาวบ้าน แยมผลไม้ ผลไม้อบแห้ง Ladakh Bookshop อยู่บนชั้น 2 ติดกับ State Bank of India บนถนน Main Bazzar เป็นร้านหนังสือขนาดใหญ่ จำหน่ายโปสการ์ดและหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอินเดีย แคชเมียร์ ลาดักมากมาย
ขอถ่ายภาพกับแม่ค้า เค้าให้ความร่วมมือดีมาก ขอดูภาพจากกล้องหลังจากถ่ายภาพเสร็จอีกด้วย น่ารักจังเลย
ถึงเวลา 4 โมงเย็น ทุกคนก็มารอรถที่มารับเพื่อไปเจดีย์สันติภาพ Shanti Stupa
เจดีย์สันติภาพ Shanti Stupa เมืองเลห์ ลาดักห์ เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำศิลปะแบบทิเบต มีฐานกลมวนรอบสองชั้น ส่วนยอดเป็นสีทองสุกปลั่ง คือ เจดีย์แห่งสันติภาพ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 โดย องค์กรพุทธศาสนาแห่งญี่ปุ่น ( The Japanese of World Peace ) ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ผู้คนทั้งโลกร่วมมือร่วมกันใจกันสรรค์สร้างสันติภาพ และถือเป็นการฉลองวาระครบรอบ 2,500 ปี แห่งพระพุทธศาสนาอีกด้วย โดยองค์ไลลามะ ได้เสร็จมาเป็นประธานเปิดพระเจดีย์ด้วยพระองค์เอง ทุกวันนี้เจดีย์แห่งสันติภาพกลายเป็นหนึ่งศูนย์รวมใจของคนเลห์ ส่วนองค์กรพุทธศาสนาแห่งญี่ปุ่นผู้สร้างเจดีย์นี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1917 โดยพระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นชื่อ นิชิดัทสุ ฟูจิอิ ( Nichidatsu Fujii ) เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาและสันติภาพให้เฟื่องฟู เจดีย์แห่งสันติภาพ ( Peace Pagoda หรือ Peace Stupe ) ไว้ทั่วโลกในลักษณะคล้ายคลึงกัน ทั้งในอินเดีย เนปาล ออสเตรเลีย อังกฤษ อิตาลี โปแลนด์ เกาหลี ญี่ปุ่น โดยเจดีย์สันติภาพแห่งแรกตั้งอยู่ที่ เมืองฮิโรซิม่า และนางาซากิ เมืองที่ถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนบนยอดเขานี้มีลักษณะเป็นลานกว้าง มักมีนักท่องเที่ยวยุโรปและญี่ปุ่นขึ้นมานั่งชมวิวและถ่ายภาพ เจดีย์สันติภาพ Shanti Stupaตั้งอยู่บนยอดเขาในย่านจังสปา ห่างจากใจกลางเมืองเลห์ประมาณ 2 กม.เป็นเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่ใหม่เอี่ยมมองเห็นได้จากแทบทุกมุมในเลห์ นักท่องเที่ยวนิยมเดินขึ้นบันได ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพื่อขึ้นไปเที่ยวชม วิวเมืองเลห์ยามเย็นจากมุมสูงที่บริเวณลานกว้างหน้าเจดีย์ นับเป็นจุดชมวิวที่สวยและโรแมนติกที่สุดมุมหนึ่งในเลห์ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินได้งดงามที่สุด อุ๋ยยย ไม่คิดว่าอากาศจะหนาวมากขนาดนี้ เดินขึ้นไปได้แป๊บเดียว หนาวมากเก็บภาพถ่ายพอประมาณต้องรีบเดินมาขึ้นรอบนรถดีกว่า.....ไม่ไหวจริงๆ สังเกตได้จากปากตอนนี้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวเกือบดำแล้วล่ะ...
กลับถึงที่พัก วันนี้ซื้อ Lip Balm มาใช้เลยซิรออะไร.... มื้อเย็นที่แสนอร่อยก็คือมาม่าต้มยำจากเมืองไทย อร่อยที่สุด......คืนนี้จะต้องคุยวางแผนกันเรื่องการกำหนดการของวันพรุ่งนี้ แต่วันนี้น้ากิตรู้สึกเพลียอยากจะนอนพักมาก เลยให้น้องพลอย น้องเขม และน้องเอ็ต สรุปว่าพรุ่งนี้ทางที่จะไปทะเลสาบปันกอง สามารถไปได้รถจะออกตั้งแต่ 6 โมงเช้าโดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย มีที่ขอ Permit ไว้ 7 คนตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง (เค้าทำวันจันทร์-ศุกร์ เว้นเสาร์ อาทิตย์)
ขอบคุณกระเป๋าน้ำร้อนที่พนักงานนำมาให้ทุกคืนและ Heat Pack...ทำให้นอนหลับสบาย...เกือบตลอดคืน...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น