ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 1 เดินทาง 3 แค้วนแดนอินเดีย (สุราษฎร์ธานี สุวรรณภูมิ โกลกาตา พาราณสี นิวเดลี ) 7-8 กรกฎาคม 2560

ตอนที่ 1 ท่องเที่ยวอินเดีย (สุราษฎร์ธานี สุวรรณภูมิ โกลกาตา พาราณสี นิวเดลี ) 7-8 กรกฎาคม 2560

ส่วนนำ  ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4  ตอนที่ 5

7 กรกฎาคม 2560 สุราษฎร์ธานี สุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทยสไมล์ เที่ยวบินที่ WE258
8 กรกฎาคม 2560 กรุงเทพ โกลกัตตา พาราณสี นิวเดลี
( สมาชิกร่วมเดินทางครั้งนี้ มี พี่ตู่ พี่ยิ่ง อ.เบญ เอ๊ด น้าวัช พี่นิพนธ์ น้องกิต น้องพลอย น้องเขม น้องรุ่ง พี่แจ้ และพี่อรัญ )
เวลา 02.05 เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปโกลกัตตา โดยสายการบิน Indigo Airline ถึงสนามบินโกลกัตตาเวลา 03.10 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เวลาของประเทศอินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที การตรวจก่อนขึ้นเครื่องเจ้าหน้าที่ตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนขึ้นเครื่อง ใช้เวลาพอสมควรเพราะต้องตรวจทุกคน เมื่อไปถึงสนามบินโกลกัตตา ช่วงผ่านด่าน ตม. อาจจะมีปัญหากันบ้างในคณะบางคนกรอกข้อมูลชื่อโรงแรมและที่อยู่ไม่ละเอียด เจ้าหน้าที่ก็จะถามถ้าไม่แน่ใจเรื่องภาษาให้เตรียมรายละเอียดที่เป็นภาษาอังกฤษยื่นให้เจ้าหน้าที่ก็ได้ และอีกอย่างก็คือเบอร์โทรติดต่อ ให้ต้องกรอกเบอร์โทรของเราลงไปด้วยนะคะ...ส่วนอื่นๆก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเท่าที่สังเกต...อีกอย่างถ้าขอวีซ่าออนไลน์ ก็อาจจะเสียเวลานานนิดนึงเพราะแต่ละรายจะใช้เวลาพอสมควร...ในคณะพวกเราก็มีของ อ.เบญ และน้องรุ่ง น้องรุ่งเก่งภาษา หมดปัญหา....



จากเมืองไทยแลกเงินดอลล่าห์มา มาแลกเงินรูปีที่นี่ เพื่อความสะดวกส่วนต่างไม่มากเท่าไรเพราะแลกไม่เยอะ ประมาณ 5 บาท/ 10 รูปี 
อัตราแลกเงินรูปี
อัตราแลกเงินดอลล่า

รับกระเป๋าและแลกเงินกันเสร็จเรียบร้อย ก็เดินไป Domestic อยู่อาคารเดียวกัน อยู่ชั้น 2 เตรียมตั๋ว และ Passport เพื่อใช้เป็นหลักฐานเข้าไปด้านในเจ้าหน้าที่ตรวจเป็นรายบุคคล

เวลา 08.25 น.เดินทางจากสนามบินโกลกัตตา ถึงสนามบินพาราณสี  09.45 น. ใช้เวลา ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยสายการบิน Indigo Airline โปรดสังเกตด้วยนะคะ เมื่อผ่านการ Scan กระเป๋าและการตรวจที่ประเทศอินเดียทุกสนามบิน เค้าจะแยกระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย และต้องถือ Boardding Pass เพื่อให้เจ้าหน้าที่ Stamp ว่าผ่านการตรวจแล้ว และบางสนามบิน Tag ที่ติดกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องต้องติดเมื่อผ่านการ Scan ก็จะต้อง Stamp ด้วยไม่งั้นเค้าจะไม่ให้นำขึ้นเครื่องต้องนำไป Scan ใหม่ถ้าเครื่อง Scanอยู่ไกลล่ะแย่เลยนะคะ ต้องสังเกตด้วยนะคะว่าสายการบินไหนกำหนดให้ติด Tag แต่เพื่อไม่ประมาท ให้ขอ Tag ติดกระเป๋าไว้ด้วยทุกครั้งก็ดีนะคะ ถ้าไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ Check In ก็จะบอกเราเอง  จะไม่เหมือนของเมืองไทยที่จะไม่มีการ Stamp

เมื่อถึงพาราณสี พี่ตู่ได้ติดต่อรถไว้เรียบร้อย พอลงเครื่องก็มีรถมารอรับอยู่แล้วพร้อมไกด์ จุดแรกที่ไปก็คือ

ธรรมเมกขสถูป (Dhamekh )สารนาถ (มฤคทายวัน)


พุทธศาสนาได้ประดิษฐานขึ้นในโลก นับถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 2,500 ปีมาแล้ว เมื่อย้อนไปครั้งอดีตกาลในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงปฐมเทศนา ‘ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร’ แก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี จนกระทั่งท่านอัญญาโกญฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ได้บรรลุโสดาบัน และทูลขอบวชกับพระพุทธองค์ นับเป็นพระอริยสาวกรูปแรก และเป็นวันที่พระรัตนตรัยครบองค์สาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เราเรียกวันนี้ว่า ‘วันอาสาฬหบูชา’ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน หรือป่ากวางในอดีตนั้น ปัจจุบันคือตำบลสารนาถ เมืองพาราณสี ซึ่งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย และที่เรียกว่า ‘สารนาถ’ นั้น สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า ‘สารังคนาถ’ แปลว่า ที่พึ่งของเนื้อ เหตุเพราะในป่าแห่งนี้บรรดาเนื้อทั้งหลายอยู่ด้วยความปลอดภัย เพราะมีพระโพธิสัตว์และพระราชาเป็นที่พึ่ง สำหรับสถานที่ที่ทรงแสดงธรรมเพื่อประกาศพระศาสนาเป็นครั้งแรกในโลกนั้น ได้มีพุทธานุสรณ์สถานเป็นระลึกถึง นั่นก็คือ ‘ธัมเมกขสถูป’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสังเวชนียสถาน 4 แห่งที่สำคัญของพุทธศาสนิกชน  ธัมเมกขสถูป มาจากคำว่า ‘ธัมเมกขะ’ หมายถึง เห็นธรรม ส่วน ‘สถูป’ หมายถึงสิ่งก่อสร้างที่บรรจุของควรบูชา เป็นอนุสรณ์เตือนใจให้เกิดกุศลธรรม ดังนั้นธัมเมกขสถูปที่สร้างขึ้นนี้ ก็เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ท่านผู้เห็นธรรมในครั้งนั้น คือพระอัญญาโกณทัญญะ นั่นเอง  ความเป็นมาของธัมเมกขสถูปนี้ ไม่แน่ชัดว่าเริ่มสร้างขึ้นในสมัยใด สันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ.269-311) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงสุด และอาจมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ต่อเติมขึ้นมาในสมัยราชวงศ์คุปตะ (ราวพ.ศ.900-1100) เพราะแผ่นอิฐด้านในพระสถูปนั้น มี อายุเก่าแก่กว่าแผ่นอิฐด้านนอก และลวดลายที่ปรากฏบนองค์พระสถูปด้านนอกนั้นเป็นลวดลายใบไม้ ดอกไม้ นก และรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นศิลปะที่นิยมมากในสมัยคุปตะ  ธัมเมกขสถูปเป็นสถูปขนาดใหญ่ มีความสูง 31.3 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 28.3 เมตร ด้านล่างก่อด้วยหิน สูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ทำเป็นช่องๆแต่ละช่องประดิษฐานพระพุทธรูปแบบต่างๆ ส่วนช่องใหญ่รอบองค์พระสถูปนั้นมี 8 ช่อง ซึ่งมีความหมายถึง มรรคมีองค์ 8 ประการ  กว่า 2,200 ปีแล้วที่สังเวชนียสถานแห่งนี้ ได้น้อมนำให้ผู้พบเห็นได้เข้าไปสู่เรื่องราวแห่งครั้งพุทธกาล ที่พระพุทธองค์ทรงประกาศพระพุทธศาสนา ด้วยการขับเคลื่อนวงล้อแห่งธรรม ให้หมุนออกไปสู่ทุกผู้นาม และ ณ วันนั้นเองที่พระพุทธศาสนาได้ตั้งมั่นและเริ่มเผยแผ่ออกไปแล้ว 

ที่มา : http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9480000088745































ฝั่งตรงข้ามเป็นพิพิธภัณฑ์ มีห้องรับฝากของ ไม่อนุญาตห้นำของเข้าไป นำไปได้เฉพาะน้ำดื่ม
เข้าชมพิพิธภัณฑ์โบราณคดีสารนาถ จะได้ชมศิลปวัตถุชิ้นสำคัญได้แก่ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก และเสาหินพระเจ้าอโศกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาก แม้จะไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สภาพของวัสดุที่เป็นหินทรายแดงนั้น ยังขึ้นเงาวับ ซึ่งหัวเสานี้ถูกนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินของอินเดียในเวลาต่อมา และใช้จนถึงปัจจุบัน

วัดไทยสารนาถ เมืองพาราณสี

วัดไทยสารนาถ (มฤคทายวันมหาวิหาร)
วัดไทยสารนาถ ก่อตั้งโดย พระครูประกาศสมาธิคุณ วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ.2514 โดยตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่อจัดซื้อที่ดินให้นามว่า "มูลนิธิมฤคทายวันมหาวิหาร" ในที่สุดก็สามารถซื้อที่ดินจำนวน 32 ไร่ ตรงกันข้ามกับพิพิธภัณฑ์สารนาถได้ และได้เริ่มก่อนสร้างศาสนวัตถุหลายแห่งภายในวัด ปัจจุบันได้ทำการก่อสร้างพระพุทธรูปยืนศิลปะคุปตะขนาดใหญ่สูงราว 30 เมตร ศิลปะสมัยคุปตะอันเป็นสมัยที่นิยมในสารนาถ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีงานฉลององค์พระไปเมื่อต้นปี 2554 ที่ผ่านมาก ส่วนเสนาสนะมีพระอุโบสถสร้างด้วยหินทราย จำนวน 1 หลัง กุฏิสำหรับพระสงฆ์ และผู้แสวงบุญ 1 หลัง โรงครัว 1 หลัง หมู่กุฏิสำหรับวิปัสสนากัมมัฏฐาน 1 หลัง ศาลาที่ปฏิบัติธรรม 1 หลัง โรงเรียนประถมสำหรับเด็กนักเรียนอินเดีย 1 หลัง

WAT THAI SARNATH
Address : P.O.Sarnath, Varanasi U.P.,India
Tel : (+91) 9935394985, (+91) 5422595090
E-mail : sarnath60@hotmail.com, : mandaliko9@yahoo.co.in

พระอธิการสมชาย พุทฺธสโร เจ้าอาวาส พระสุมังคลิโก (ภิกษุชาวอินเดีย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส

พวกเรามาทานอาหารกลางวันที่วัดสารนาท ลงรถก็เดินตรงไปโรงทานมีแม่ชีดูแลหาอาหารมาให้พวกเราได้ทานกันฟรีๆ รวมกับอาหารที่คณะเราเตรียมไปด้วยเลยเป็นอาหารมืออร่อยเลยล่ะค่ะ

Shopping ร้านผ้าไหม
ทางไกด์ถามว่าพวกเราอยากจะไป Shopping ผ้าไหมหรือป่าวตอนแรกก็คิดว่าเป็นตลาดให้เราได้ Shopping แต่พอมาถึงก็งงนิดหน่อย ไกด์รอให้ทุกคนพร้อมกันแล้วเดินเข้าไปเป็นทางเดินเล็กๆ สองด้านที่เดินผ่านเป็นห้องเล็กๆ เริ่มใจไม่ดีแล้ว แต่ก็เดินเข้าไปเรื่อยๆก็มาเจอห้องที่สาธิตการทอผ้า ดูสักครู่ ทางร้านก็เชิญชวนให้ไปดูสินค้าชั้นบน



ว๊าวมีผ้าหลากหลายชนิดเยอะมาก คนขายผ้าเป็นผู้ชายทั้งนั้นเลย คนอินเดียมีความสามารถในการค้าขายจริงๆ เค้าจะมีเทคนิคการขายถ้า 1 ชิ้นราคาเท่านี้ถ้า 2 ชิ้นราคาเท่านี้บางทีทำให้เรางงได้ ต้องระวังนะคะ ไม่งั้นอาจจะต้องซื้อของแพงก็ได้ วันนี้ยังไม่ได้ซื้ออะไร ขอดูราคาจากหลายๆร้านก่อนแล้วค่อยตัดสินใจซื้อดีกว่า






จากนั้นก็มาที่ริมแม่น้ำคงคา เดินเล่นชมวิถีชีวิตและถ่ายภาพบรรยากาศต่างๆกันครู่นึง ก็เลยตัดสินใจล่องเรือชมแม่น้ำคงคา  จำราคาไม่ได้ เอ็ดเค้ามีฝีมือเรื่องการต่อรองราคา สุดยอดเลยค่ะ ครั้งแรกพวกเราก็กลัวร้อนกันมากเลยเพราะเรือไม่มีหลังคา แต่พอตกลงว่าจะล่องเรือเท่านั้นล่ะ เค้าก็เริ่มเสกให้มีหลังคาโดยฉับพลัน ว๊าววว  ทุลักทุเลกันอีกช่วงก็คือตอนลงเรือเพราะต้องลงลำแรกก่อน ถึงจะไปลำที่เราจะไป เย้ และแล้วเราก็สามารถลงเรือได้โดยสวัสดิภาพ.....ส่วนบรรยากาศริมแม่น้ำคงคา ขอเล่าเรื่องด้วยภาพนะคะ รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่ล่องเรือชมวิถีชีวิตริมแม่น้ำคงคา ได้ความรู้สึกต่างจากการเดินชมเพียงอย่างเดียว
































รับประทานอาหารเย็น 



เดินทางไปสนามบินพาราณสี 25 กม. 
เวลา 19.55 เดินทางจากสนามบินเมืองพาราณสีไปสนามบินนานาชาติอินทิรา คานธี เวลา 21.35 น.โดยสายการบิน อินดิโก เที่ยวบินที่ 6E991 
เข้าพักที่ Hotel City Center  หลังจากที่เข้าไปอ่าน Review แล้วส่วนใหญ่จะมีความคิดเห็นกับโรงแรมนี้เหมือนๆกัน คือ สภาพห้องจริงๆกับภาพใน Booking ไม่ค่อยสะอาดเลย แนะนำว่าต้องเข้าไปอ่าน Review ใน Booking.com เพิ่มนะคะ คืนนี้นอนหลับแบบหลอนๆ

ส่วนนำ  ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4  ตอนที่ 5

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ