ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 5 เดินทาง 3 แคว้นแดนอินเดีย (จ๊อดปูร์ จัยปูร์ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง สุราษฎร์ธานี) 14-16 กรกฎาคม 2560

ตอนที่ 5 การเดินทาง 3 แคว้น แดนอินเดีย (จ๊อดปูร์ จัยปูร์ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง สุราษฎร์ธานี) 14-16 กรกฎาคม 2560

ส่วนนำ  ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4  ตอนที่ 5

ออกเดินทางโดยรถ Mini Bus 12 ที่นั่ง จากเมือง Jodhpurไปเมือง Jaipur ระยะทาง 338 กม.ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง

Jaipur : The Pink City

Jaipur เป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของอินเดียและยังเป็นเมืองหลวงของแคว้นราชาสถาน เมืองนี้ได้รับขนานนามว่า Pink City หรือเมืองสีชมพูเพราะว่าในปี 1876 Prince Edward VII, Prince of Wales แห่งสหราชอาณาจักรได้เสด็จพระราชดำเนินเยือน Jaipur และเพื่อเป็นการต้อนรับแขกพิเศษ Sawa Ram Singh มหาราชาของ Jaipur ในยุคนั้นได้มีคำสั่งให้ทาสีเมืองเป็นสีชมพูจนถึงทุกวันนี้และนั่นคือที่มาของ Pink City








ระหว่างทางที่ไปจัยปูร์ขอเล่าด้วยภาพนะคะ





แวะรับประทานอาหารกลางวัน ทีร้านค้าเค้ามีสินค้าขายหลายอย่าง Shopping ระหว่างรออาหาร มาที่อินเดียครั้งนี้พยายามระวังเรื่องการกินอาหารมากถึงมากที่สุดจะกินตามร้านหรือโรงแรมเท่านั้น ทำความสะอาดภาชนะต่างๆ กระดาษเปียกสำหรับทำความสะอาดมือ เข้าร้านนี้รู้สึกว่าแมลงวันมาบินวนๆอยู่กลัวจังเลย








หลังทางอาหารกลางวัน ก็เริ่มมีอาการท้องไม่ค่อยปกติกันแล้วล่ะ 

เข้าพักที่ Umail Bhawan - Heritage Style Hotel

ที่อยู่: D1-2A, Behind Collectorate, Via Bank Road, Bani Park, Jaipur, Rajasthan 302016 อินเดีย
โทรศัพท์: +91 141 231 6184 โรงแรมอยู่ในซอย กว่าพวกเราจะมาถึงที่นี่ โชว์เฟอร์ก็ต้องถามทางมาตลอด โรงแรมเข้ามาลึกซักหน่อย  ทางเข้าโรงแรมค่อนข้างแคบ ดูจากด้านหน้าก็ธรรมดาๆ แต่พอเข้าไปด้านใน ว๊าวววว ตระการตามาก ตกแต่งได้สวยมาก ที่แปลกอีกอย่างก็คือลิฟต์ ไม่เหมือนที่เราเคยใช้ ประตูเปิดจะคล้ายๆกับประตูเหล็ก ครั้งแรกก็ไปยืนรอลิฟต์แบบงงๆ ไม่ทราบว่าจะต้องเปิดประตูเองจึงจะเข้าไปได้ เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพลิฟต์ รู้สึกว่า อ.เบญจะถ่ายภาพไว้เดี๋ยวต้องขอมาลงในนี้ดีกว่า






















Check in โรงแรมเรียบร้อยก็ออกไปชมเมืองสีชมพู

City Palace, Jaipur

วังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1729 โดยมหาราชาแห่ง Jaipur โดยปัจจุบันเชื้อพระวงศ์ที่สืบทอดเชื้อสายกันมาก็ยังคงประทับอยู่กัน 6 พระองค์พร้อมข้าทาสบริวารที่คอยรับใช้อีก 120 คน ต้องบอกว่าสีสันของวังนี้สวยมากๆ โดยเฉพาะจะมี square หนึ่งในวังนี้ที่จะประกอบด้วยประตู 4 ด้าน ซึ่งแต่ละประตูประกอบด้วยกระเบื้องหลากสีที่สวยงามตระการตามากในเรื่องราวเดียวกันแต่ดีไซน์ที่แตกต่างกัน



















บริเวณด้านนอก City Palace พยายามหาว่าเมืองสีชมพูอยู่ตรงไหน สรุปว่าเป็นตึกที่สีอิฐ นี่แหละเมืองสีชมพู รอบๆพระราชวังจะมีร้านขายสินค้ามากมาย ไม่ค่อยชอยเลยที่คนขายออกมายืนหน้าร้านแล้วเรียกให้เราเข้าไปซื้อของในร้าน ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ เค้าจะติดป้ายหน้าร้านราคาถูกๆ แต่พอเข้าไปในร้านจะหยิบของราคาแพงออกมาขาย หยิบชิ้นโน่นชิ้นนี่ รวม 2 ชิ้น 3 ชิ้น เดี๋ยวเราก็จะงงกลายเป็นซื้อของแพงซะงั้น แนะนำว่าต่อรองราคาเยอะๆ และซื้อชิ้นเดียว อย่าซื้อทีละหลายชิ้น เดี๋ยวค่อยไปซื้อร้านอื่นอีก








ถ่ายภาพ City Palace จาก Wind View Cafe ชมพระราชวังสายลม










รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม มีรายการแสดงด้วยเค้าจะชวนแขกร่วมเต้นกับเค้าด้วยคณะเรานำทีมโดยน้าวัช..และคณะ ร่วมเต้นกับเค้าสนุกเลยล่ะ









สังเกตอาหารนะคะตั้งแต่วันแรกที่มาถึงจนถึงวันนี้เมนูจะคล้ายๆ ที่มีเกือบทุกมื้อก็คือเมนูไก่ทอด ต้องมีมะนาวและหอมซอยด้วย และไข่เจียว...555 อร่อยมาก

ทานอาหารอิ่มแล้วปัญหาอีกอย่างก็คือทางเดินวกวนมาก กว่าจะกลับห้องได้ ฮือออ อยากจะร้องไห้ แถมคืนนี้ฝนตกด้วย ทางเดินเปียกกลัวจะลื่นล้มอีก...อ้อ คืนนี้พี่แจ้ไม่ได้มาทานอาหารพร้อมพวกเรา เอ๊ดสั่งข้าวต้มให้ไปส่งที่ห้อง...พี่แจ้ไม่ค่อยสบายซะแล้ว...




บรรยากาศในห้องพักสวยงามมากและกว้างขวาง มีโซนนั่งเล่นด้วย กว่าจะได้นอนคืนนี้เก็บภาพความสวยงามของห้องพักและเตรียมจัดกระเป๋า พรุ่งนี้ะต้อง Check out แล้วล่ะ
















ทานอาการเช้าที่โรงแรม หลังจาก Check Out พี่แจ้ยอมให้พาไปโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม
Dr.Panicker's SANJEEVANI HOSPITAL Pvt.Ltd. ดีนะที่เด็กๆภาษาเค้าดีช่วยได้เยอะ หมอให้พักอยู่โรงพยาบาลเพราะต้องให้น้ำเกลือค่อยมารับประมาณห้าโมงเย็น พี่อรัญอยู่ดูแลพี่แจ้ที่โรงพยาบาล




โปรดสังเกตโทรศัพท์รุ่นนี้ยังมีใช้อยู่นะคะ

จุดแรกของวันนี้ก็คือ Amber Fort เป็นพระราชวังของมหาราชา เป็นวังเดิมก่อนที่ราชวงศ์จะมีการย้ายไปประทับที่ City Palace การขึ้นไปที่ Amber Fort จะเดินขึ้นไปจากด้านหน้า หรือจะนั่งรถขึ้นไปก็ได้มีรถรับจ้างต้องต่อรองราคาด้วยนะคะ คณะพวกเรามีส่วนนึงเดินขึ้น อีกส่วนนั่งรถขึ้นไป



























































จุดที่สองคือ พระราชวังกลางน้ำ จาร์ มาฮาล สถาปัตยกรรมอลังการแห่งอินเดีย
พระราชวังจาร์ มาฮาล ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ายังมีอยู่ เพราะที่นี่คือสถาปัตยกรรมอันงดงามตั้งอยู่กลางทะเลสาบแมนซาการ์ ตั้งอยู่ในเขตเมืองชัยปุระ ณ ประเทศอินเดีย
พระราชวังถูกสร้างครั้งแรกเพื่อจุดประสงค์เป็นที่พักผ่อนตากอากาศของพระราชา เพื่อเสด็จล่าสัตว์ ในบริเวณดังกล่าว แต่ในช่วงศตวรรษที่ 18 กษัตริย์แห่งอาร์เมอร์ได้ตัดสินใจสร้างเขื่อนล้อมรอบระหว่างภูเขาเพื่อป้องกันน้ำท่วม และตอนนั้นเองที่ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมส่วนหนึ่งของพระราชวัง












รับประทานอาหารกลางวัน









แวะมาที่ City Palace อีกครั้งเดินชมตลาดกัน วันนี้เราไม่เดินหน้าพระราชวัง แต่ข้ามถนนไปเดินอีกด้าน เป็นสินค้าของชาวบ้าน ราคาไม่แพง 
















มีเวลาเหลือพอสมควรไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าทานไอศครีม และ Shopping กันอย่างรวดเร็ว
รับพี่แจ้ที่โรงพยาบาลและไปสนามบินจัยปูร์ เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทยสมาย สนามบินที่นี่มีของขายน้อยจัง คิดว่าจะมาละลายทรัพย์ที่นี่ซักหน่อยเงินรูปีเหลืออยู่เยอะเลยไม่แลกคืนเก็บไว้มาใช้ครั้งต่อไปดีกว่า 555







ถึงสุวรรณภูมิ นั่ง Shuttle Bus ไปสนามบินดอนเมือง จากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุราษฎร์ธานี โดยสายการบิน Nok Air....กลับถึงสุราษฎร์ธานีโดยสวัสดิภาพ.....


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ