ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 3 เดินทางโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น 16-20 ตุลาคม 2560 (Free day, อเมริกันวิลเลจ Shopping Outlet สนามบินฮานะ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุราษฎร์ธานี)

ตอนที่ 3  เดินทางโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น 16-20 ตุลาคม 2560
(Free day, อเมริกันวิลเลจ  Shopping Outlet สนามบินฮานะ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุราษฎร์ธานี)
ตอนที่ 1   ตอนที่ 2  ตอนที่ 3


19 ตุลาคม 2560 ( Free day )

วันนี้อิสระชมเมืองโอกินาวา เช้านี้หลังทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียนร้อย พี่ตู่ก็คุยกับไกด์หมูจัง สอบถามวิธีการไปเที่ยวจุดต่างๆ แต่ละกลุ่มก็วางแผนการกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหน กลุ่มพวกเราแพลนกันว่าเช้าจะไปศาลเจ้านามิโน๊ะอุเอะ โดยนั่งรถ Taxi รถ Taxi ที่นี่นั่งได้คันละ 4 คนเท่านั้น ระยะทางไม่ไกลจากโรงแรมห่างเพียง 1.8 Km ใช้เวลาประมาณ 9 นาที ค่ารถประมาณ 600 กว่าเยน ลองตรวจสอบกับ Google Map ก่อนก็ได้ค่ะ รถ Taxi ของญี่ปุ่นจะเป็นเอกลักษณ์ รถเก่า ขนขับแก่ แต่ด้านในรถมีผ้าหุ้มเบาะ และภายในรถ สะอาดมากๆ มี GPRS ทุกคัน ไกด์หมูจังทำหน้าที่เรียกรถ Taxi ให้กับพวกเราได้ไปศาลเจ้านามิโน๊ะอุเอะ

อัตราค่าโดยสาร จังหวัดโอกินาว่า 550 เยนแรก 1,750 เมตร หลังจากนั้นคิด 70 เยน ทุก 372 เมตร


ศาลเจ้านามิโน๊ะอุเอะ ( Naminoue-gu Shrine )  อยู่บนหน้าผา และติดทะเล มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีชายหาดและสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ มาถึงศาลเจ้าฝนตกเล็กน้อย อิอิ ไม่กล้าเอากล้องถ่ายรูปออกมาใช้เลยล่ะ ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือก่อนละกัน พอได้ภาพเป็นที่ระลึก พอเดินเข้ามาหันหน้าเข้าหาศาสเจ้า ให้ดูทางด้านซ้ายมือ จะมีจุดให้ทำความสะอาดก่อน




วิธีการทำความสะอาดมีทั้งหมด 5 ขั้นตอน 






























ไปร้าน Manga Souko ( Used Outlet Shop ) ระยะทาง 4.9 กม. พวกเราใช้รถ 3 คันๆ ละ 4 คน ไปร้านขายสินค้ามือ 2 กันพลาดพี่ตู่ จดชื่อสถานที่ที่จะไป ร้าน Manga Souko ทั้งที่เป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น พอขึ้นรถ Taxi ก็บอกชื่อสถานที่ที่จะไป และมีชื่อสถานนีรถ Monorail คือสถานี Akamine ด้วย อิอิ ส่งโทรศัพท์ให้อ่านภาษาญี่ปุ่นด้วยเลยไม่พลาดแน่ๆ






และแล้วก็ไปถึงจนได้ 2 คัน อีกคันนึงมาไม่ถึง ครั้งแรกก็ตกใจไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร รอเป็นชั่วโมงอีกคันก็มาไม่ถึงยุ่งล่ะซิ ติดต่อไม่ได้ พยายามหา Free Wifi ก็ต้องมีรหัสผ่าน เข้าไปถามในร้านขอรหัสผ่านเค้าก็ไม่ให้ ขอซื้อ Sim Card ก็ไม่มีขาย ดีนะที่พี่กุ๋ย มี Sim Card ของญี่ปุ่น เลยตัดสินใจหาร้านกาแฟ เพื่อเข้าไปใช้ Internet มีร้านการแฟใกล้ สำเร็จ ติดต่อกันได้จึงรู้ว่าไปกันคนละสาขา...หมดปัญหา เดินดูของกันพอสมควร ได้เวลากลับโรงแรม นัดเจอกับอีกทีมเพื่อทานอาหารกลางวันและแพลนการเที่ยวช่วงบ่ายกัน



รอเรียก Taxi ยากจังเลย จุดนี้อยู่นอกเมืองหน่อยนึง กลับไป New Okinawa Hotel


ถ่ายภาพเล่นหน้าโรงแรมระหว่างรอสมาชิกพร้อมไปทานอาหารเที่ยงกัน





รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารใกล้ๆ โรงแรม






รถไฟโมโนเรลแห่งแรกในโอกินาว่า: ยูอิ เรล
ยูอิ เรล เป็นระบบรถไฟโมโนเรลที่เชื่อมต่อสนามบินนาฮาและปราสาทชูริเอาไว้ด้วยระยะทาง 27 นาทีในการเดินทางแบบเที่ยวเดียว เนื่องจากสถานีสนามบินนาฮานั้นเชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารภายในประเทศของสนามบิน จึงมีนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเยี่ยมชมสถานที่ที่ขึ้นชื่อรอบๆ เมืองนาฮามาใช้บริการรถไฟโมโนเรล นอกจากนี้คุณยังสามารถเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองนาฮาผ่านหน้าต่างรถได้อีกด้วย จะมีทั้งหมด 15 สถานี 


 ช่วงบ่ายแพลนกันว่าจะไปซื้อของที่  Duty Free ที่ T Galleria By DFS Okinawa แต่จะเดินทางโดย  Monorail:รถไฟโมโนเรล จากโรงแรม New Okinawa เดินทางไปสถานี Kencho-Mae Station ประมาณ 500 เมตร ลงที่สถานี Omoromachi Station ค่าโดยสารคนละ 230 เยน เดินอีกประมาณ 550 เมตรก็ถึงที่หมาย ต้องซื้อตั๋วจากตู้ เอ๊ดเป็นแนวหน้าขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเพราะหน้าจอขายตั๋วเป็นภาษาญี่ปุ่น เค้าช่วยกดให้แต่ให้เราหยอดเงินเอง ซื้อได้ครั้งละ 3 ใบ 


............................................
















เดินชมสินค้าใน Duty Free แป๊บนึง อิอิ ราคาเกินเอื้อมทั้งนั้นเลย เลยเดินหาร้านอื่นๆ บริเวณนี้จะมีร้านขายสินค้ามากมายหลายร้าน แต่ต้องเดินไกลนิดนึง สุดท้ายก็ได้ Shopping กันสนุกสนานเลยล่ะ 
ขากลับตัดสินใจกลับรถ Taxi ไม่ต้องเดินย้อนกลับไปขึ้นรถ Monorail


กลับมาทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านในตลาดใกล้ๆโรงแรม ร้านเดิมที่เราทานเมื่อวานติดใจเลยไปซ้ำร้านเดิม จากนั้น Shopping ปิดท้ายสำหรับคืนนี้ 

วันที่ 20 ตุลาคม 2560
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช้านี้ไกด์หมูจัง นัด 10.00 น. เพราะวันนี้ไม่มีรายการอะไรมาก ขาดเหลืออะไรก็ซื้อเพิ่มตอนเช้าได้อีก จัดกระเป๋าและ Check Out คืนกุญแจที่  Lobby ชั้น 10 พี่แจ้ไปคืนกุญแจ บอกว่าที่ชั้น 10 วิวสวยมาก เสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปดู พี่แจ้ไม่ได้เอาโทรศัพท์ขึ้นไปได้วยเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน
ได้แต่ถ่ายภาพเล่นหน้าโรงแรมระหว่างรอรถมารับ













อเมริกันวิลเลจ (Okinawa Mihama American Village)







































Shopping Outlet




ได้เวลานัด 17.30 น. เดินทางไปสนามบินฮานะ แต่ละคนซื้อของกันเยอะพอสมควร แต่น้ำหนักกระเป๋าโหลดได้คนละ 20 Kg ถือขึ้นเครื่องได้ 2 ชิ้นรวมแล้วไม่เกิน 10 Kg รถส่งหน้าสนามบิน ลงลิฟท์จากชั้น 3 มาชั้น 1 จัดกระเป๋ากันใหม่อีกครั้ง ทีมที่พร้อมก็นั่ง Shuttle Bus ไปที่ International Airport  Terminal 2 เป็นสนามบินเล็กๆ ระบบการจัดการเรื่อง  Check in, Screen กระเป๋า, การชั่งน้ำหนักกระเป๋า ขอเขียนเป็นเรื่องๆเลยนะคะ เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอเลย  ตั้งแต่เรื่อง Check in เค้ากำหนดเวลาเริ่มต้น Check in ของ Peach Air เริ่มต้น Check in ตั้งแต่ 19.55 น. การ Check in ผู้โดยสารจะต้อง Check in ออนไลน์ด้วยตัวเอง แต่จะมีไกด์หมูจังช่วยอยู่ด้วย มีปัญหาอยู่ตรงที่พวกเราไม่มีรหัสการของ ในกลุ่ม 12 คน มีแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ10 คน มีเจ๊กุ๋ย รู้รหัสการจองเพียงคนเดียวต้องคอยช่วยเพื่อนๆในกลุ่ม อีก 2 คนคือพี่ตู่กับพี่ยิ่ง แยก Check in  เมื่อได้ Boarding Pass ก็ต้องนำกระเป๋าไปเข้าเครื่อง Screen รอเข้าแถวยาวมาก เสร็จแล้วต้องนำกระเป๋าไปที่เจ้าหน้าที่ชั่งน้ำหนักกระเป๋า และโหลดกระเป๋าอีกครั้ง 3 ขั้นตอนกว่าจะเสร็จ นานมากๆ
ก่อนผ่าน ตม.อย่าลืมดึงกระดาษ Tax Refune ที่เราซื้อของและลดภาษีและร้านนำมาติดไว้กับ PassPort ย้ำนะคะ ใส่ในกล่องที่วางไว้ก่อนจะผ่าน ตม.นะคะ
ขั้นตอนการขึ้นเครื่องก็นานมาก มีการเรียก 4 รอบ 1 คนที่นั่ง 16-30 Aและ Fให้คนที่นั่งในสุดขึ้นก่อน
รอบ 2 คนที่นั่ง 1-15 Aและ Fให้คนที่นั่งในสุดขึ้นก่อน รอบ 3 คนที่นั่ง 16-30 B C และ D E รอบ 4 คนที่นั่ง 1-15 B C และ D E แต่บางคนก็เนียนๆ ขึ้นไปก่อนเหมือนกัน แต่ถ้าเจ้าหน้าที่มาตรวจก่อนก็จะให้เรานั่งเก้าอี้ข้างๆก่อน  ขากลับขึ้นเครื่องก็หลับตื่นขึ้นมาก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วล่ะ 

วันที่ 21 ตุลาคม 2560
หลังผ่านด่าน ตม.และรับกระเป๋าเรียบร้อย นั่งรอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงตี 5 ก็นั่ง Shuttle Bus ไปสนามบินดอนเมือง จากสนามบินดอนเมืองเดินทางด้วย Lion Air เวลา 8.45 น. ถึงสนามบินสุราษฎร์ธานี เวลา 9.45 น.ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณโชว์เฟอร์ พี่กมลศักดิ์ ที่ทำหน้าที่รับส่งตลอด แถมได้รับส่ง พี่ส่มชายและน้องตี๋ด้วย....

ตอนที่ 1   ตอนที่ 2  ตอนที่ 3

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ