ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บันทึกการเดินทางฮานอย ซาปา ประเทศเวียดนาม ( 12-16 ตุลาคม 2561 )


บันทึกการเดินทางฮานอย ซาปา ประเทศเวียดนาม ( 12-16 ตุลาคม 2561 )



“ซาปา” คือเมืองทางเหนือ อยู่ในเขตจังหวัดลาวไก ประเทศเวียดนาม อยู่ห่างจากเมืองหลวง “ฮานอย” 380 กม. มีชายแดนทางเหนือยติดกับประเทศจีน ซึ่งภูมิประเทศส่วนมากเป็นภูเขา มีชมกลุ่มน้อยอาศัยอยู่มากมาย เช่น ม้ง และไททรงดำ เป็นต้น ความสำคัญในอดีตพื้นที่บริเวณนี้ เป็นทางผ่านของแม่น้ำแดงจากประเทศจีนไหลผ่านเวียดนามและออกอ่าวตั๋งเกี๋ย มีประวัติศาสตร์สงคราม การค้าขาย รวมถึงยุคล่าอาณานิคมจากฝรั่งเศส ในยุค 1950 ระหว่างฝรั่งเศสยึดครองอินโดจีน ในช่วงหน้าร้อน ชาวฝรั่งเศสจะใช้เมืองซาปาเป็นที่พักตากอากาศ เพราะเดือน เม.ย.-มิ.ย. ทางเวียดนามใต้มีอากาศร้อนมาก ทำให้ชาวยุโรปที่มาอยู่ทนไม่ไหว ฉะนั้นเมืองซาปาถือว่าเป็นคำตอบที่ดี เพราะมีอากาศหนาวเย็นสลับฝนตลอดทั้งปี แม้แต่ช่วงฤดูร้อนในเวลากลางคืน อุณหภูมิราวๆ 10 กว่าองศาเท่านั้น

Add: 8 Ly Quoc Su ,Hoan Kiem, Ha Noi
Tel: +84.975.105588 Fax:+84.43.861.3991
Line ID :huongtour90
Email:info@vietexpresstravel.com
Website: www.vietexpresstravel.vn
...................................................................................................................................................................
ตั๋วกรุงเทพ - สุราษฎร์ - กรุงเทพ 2,141.51 บาท
ตั๋วกรุงเทพ - ฮานอย - กรุงเทพ   4,672.91 บาท
ค่าประกัน                                       225      บาท
กองกลาง                                     876.52   บาท
ค่า Package Tour   186 ดอลล่า 6,084.06  บาท
รวมทั้งทริป              ประมาณ  14,000.00  บาท
Shopping เบาๆ 100  ดอลล่า       3,271      บาท
ซื้อรองเท้า New Balance 1,995,000 ด่อง 2,850 บาท 
รวม Shopping        ประมาณ      6,121.00 บาท
เหลือเงินกองกลางคืนอีกคนละ 130,000 ด่อง 185 บาท                        
...................................................................................................................................................................

วันที่ 12 ตุลาคม 2561 สนามบินสุราษฎร์ธานี - สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินโหน่ยปาย กรุงฮานอย -ทะเลสาบคืนดาบ- โบสถ์เซนต์โจเซฟ - สถานีรถไปฮานอย

9.00 น. คณะ ทริปนี้มีทั้งหมด 9 คน นำทีมโดยพี่ตู่ พี่ยิ่ง น้าวัช เจ๊กุ๋ย พี่จุก  น้องกิต น้องตี๋ พี่นิพนธ์ น้องมลพร้อมกันที่สนามบินสุราษฎร์ธานี
10.10 น. เดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบินไทยสไมล์ เที่ยวบินที่ WE-252
11.20 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังอาคารผู้โดยสารขาออกต่างประเทศชั้น 3 ประตู 3 เช็คอินสายการบินเวียตเจ็ท เที่ยวบินที่ VJ-902
ผ่านขั้นตอนการผ่านด่าน ตม.เรียบร้อย ทุกคนก็เตรียมพร้อมหาอาหารกลางวันรับประทานให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 1.45 ชั่วโมง


15.50 น. เดินทางถึงสนามบินโหน่ยปาย กรุงฮานอย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รอรับกระเป๋า
แลกเงินที่สนามบินเลยเพื่อความสะดวก เตรียมเงินดอลล่าไป แลก 100 ดอลล่า อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลล่า 23,300 ด่อง ได้เงินมา 2,330,000 ด่อง รวยเลยเรา...มีเงินล้านเลยนะนี่



มีรถจากบริษัทที่พี่ตู่ติดต่อไว้มารับไปส่งที่สำนักงาน Viet Huong Travel Service Company Limited นำสัมภาระมาไว้ที่นี่ก่อน รอเวลานั่งรถไฟไปที่ลาวก่าย Lao Cai ครั้งแรกวางแผนว่าจะไปเที่ยวบริเวณใกล้ๆก่อน ไม่มีเวลาล่ะเพราะช่วงนั่งรถจากสนามบินมาที่บริษัทรถติดมากๆๆๆๆ ใช้เวลา ทำได้เพียงเข้าห้องน้ำ ทานอาหารที่ร้านอาหารใกล้ๆสำนักงาน งงกับการสั่งอาหารมาก แต่คุณเฮือนบอกมาว่าอย่าสั่งเป็นเซ็ท/คนอาหารเยอะให้สั่งแยกๆ



จากนั้นก็เดินไปชมโบสถ์เซนต์โจเซฟ โบสถ์คาทอลิกในฮานอย, ประเทศเวียดนาม แถมไม่เคยชินกับการข้ามถนนกันกว่าจะข้ามถนนแต่ละครั้ง... ไม่อยากจะพูด...เงอะๆงะๆ กันล่ะ เดินได้แป๊บนึงก็ถึงเวลานัดไปสถานีรถไฟแล้วล่ะ ก็รีบไปรวใพลกันที่สำนักงาน รองรถมารับไปส่งที่สถานีรถไฟ





21.30 น. เดินทางไปลาวกาย ( Lao Cai) โดยรถไปตู้นอน Delux Livi Tran Train 4 Bed in 1 Cabin จะมีขนม กล้วย น้ำดื่ม แปรงสีฟัน+ยาสีฟัน ให้ด้วย ดีนะที่พวกเราติดต่อผ่านทางทัวร์ของคุณเฮือง  ก็เลยมีคนดูแลพวกเราจนขึ้นรถไป มีที่นั่งเรียบร้อย ขึ้นไปก็งงๆ เราเข้าไปนั่งห้องไหนก็ได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง คนละประมาณพันกว่านิดๆ เช็คจาก internet พวกเราซื้อ package ทัวร์ไว้รายการต่างๆส่วนใหญ่จะ include ยกเว้นอาหารมื้อเย็นและอาหารมื้อเที่ยงวันที่ 15 ที่เดินทางกลับจาก Sapa ไป Ha Noi ที่ต้องซื้อทานเอง






วันที่ 13 ตุลาคม 2561 ลาวกาย - Sapa Town Square - Love market Sapa - Notre Dame Cathedral - Fansipan
ช่วงเช้าก็จะมีพักงานมาถามว่า Coffee or Tea พวกเราคิดว่าฟรีเหมือนบ้านเราก็สั่งกันใหญ่ พอซักพักพนักงานมาเก็บเงินแก้วละ 20,000 ด่อง ประมาณ 28.5 บาท คิดง่ายๆก็เอา 700 หาร สำหรับบางคนถ้าไม่คิดจะดื่มชา กาแฟจริงๆก็ไม่ต้องรับนะคะประหยัดเงินดีกว่า ถึงสถานีก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันเล็กน้อย สักครู่ก็มีรถมารับไปโรงแรม





เข้าพักที่โรงแรม Sapa Relax Hotel & Spa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 35  Km

RELAX SAPA HOTEL & SPA
19a Dong Loi Street, Sapa District, Lao Cai Province
(+84) 214 3800 368
info@saparelaxhotel.com
http://saparelaxhotel.com/


รับประทานอาหารเช้า ยัง Check in ไม่ได้ ทางโรงแรมมีห้องอาบน้ำอยู่ชั้นล่าง เป็นห้องน้ำและห้องสปา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน อากาศเริ่มเย็นต้องเตรียมเสื้อกันหนาวหรือเสื้อแขนยาวแล้วล่ะนั่งในโรงแรมความเย็นก็มาเยือนซะแล้ว


น้องตี๋เค้าไม่สน ท้าลมเย็นกับเสื้อแขนสั้นเลยนะ



เปลี่ยนจากเสื้อแขนสั้นเป็นแขนยาวปลอดภัยกว่า



เมืองซาปาเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากขึ้น เสมือนเป็นเมืองที่มีสายหมอกเป็นมนต์เสน่ห์ มีภูเขาสูงที่สุดในอินโดจีน (ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม) คือ “ภูเขาฟานซิปัง”(Fansipan) สูงจากระดับน้ำทะเล 3.143 กม. วันที่ไม่มีหมอก สามารถมองเห็นยอดเขาจากเมืองซาปา เมืองซาปาจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินไปตรงไหนก็มีผู้คนเยอะไปหมด ทานอาหารเช้าเรียบร้อยสมาชิกพร้อมจุดแรกที่ไปของวันนี้ก็คือ ภูเขาฟานซิปัง”(Fansipan) ก็ไปที่ Sun World Fansipan Legend ค่ารถไฟฟ้า+เคเบิ้ลคาร์ ไปกลับ คนละ 750000 ด่อง ประมาณ 1,070 บาท ราคานี้ก็ include กับ Package ทัวร์อยู่แล้วล่ะ ไปถึงเราต้องขึ้นรถไฟฟ้าเข้าไป หมอกเยอะมาก พวกเราก็พยายามถ่ายภาพสวยๆตามสภาพ เดินลัดเลาะกันไปเรื่อยๆ โชคดีก็จะมีบางช่วงที่ได้แสงสวยๆมาเป็นระยะ แป๊บๆ ก็ต้องรีบลั่นชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว ก็ได้ภาพถูกใจหลายภาพอยู่นะนี่....













































ชื่นชมความสวยงามท่ามกลางสายหมอกด้านนอกกันพอสมควร ก็ได้เวลาขึ้น Cable Car ขึ้นไปด้านบนเป้าหมายต้องการชมวิวสวยของนาขั้นบันได และน้ำตก ผิดคาดไปถึงหมอกเยอะมากขาวแทบมองไม่เห็นอะไร ต้องรอเวลาจะมีนาทีทองที่จะมองเห็นวิวสวยๆให้เราชื่นใจบ้าง ก็ดีไปอย่างนึงที่หมดเยอะมองไม่เห็นอะไรระหว่างนั่ง Cable Car ลดความหวาดเสียวเพราะสูงมากจริงๆ ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว






สมาชิกเกือบทุกคนตัดสินใจขอปรับร่างกายโดยเดินดูสินค้าที่จำหน่ายด้านบน มีทั้งเสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆ ส่งตัวแทนไป 3 คน คือ น้องตี๋ น้าวัช และพี่นิพนธ์ ออกไปชื่นชมความสวยงามท่ามกลางหมอกและลม ต้องใส่เสื้อกันฝนออกไป ตอนกลับเข้ามาในอาคารสบักสบอมกันเชียว





ที่เหลือก็ให้กำลังใจนะคะ ดื่มชา กาแฟ ช้อคโกเล็ตร้อน กัน รอภาพถ่ายสวยๆจากตัวแทนที่ออกไปถ่ายภาพสวยๆด้านนอก...



ขากลับ ระหว่างรอ Cable Car หนาวมากเลยล่ะ 






ขากลับต้องเดินออกไปขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่รถจอดส่งครั้งแรก ระหว่างเดินกลับก็เกือบเที่ยงแล้วแต่หมอกก็เยอะไม่แตกต่างจากช่วงเช้าเลย ยืนยันจากภาพถ่ายด้านล่างนะคะ







หลังจากนั้นก็รับประทานอาหารกลางวันที่ Hot Pot Samol รายการอาหารมื้อนี้ก็ include อยู่ใน Package ทัวร์ อาหารที่เสริฟก็จะมีปลาเซลม่อน วิธีกินก็ต้องใช้แผ่นปอเปี๊ยะแห้งห่อปลาเซลม่อนและผัก + วาซาบิ (ขึ้นจมูกอย่างรุ่นแรก ขอย้ำใช้นิดเดียว ไม่งั้นไม่รับรองความปลอดภัยนะคะ) ส่วนปลาสเตอเจี้ยนปิ้งบนแผ่นฟรอย เมื่อทานปลาสเตอเจี้ยนหมดเค้าก็จะมาเสริฟ Hot Pot ครั้งแรกไม่ทราบทานผักกับปลาเซลม่อนไปซะเยอะเกือบจะอิ่มอยู่แล้วเชียว ปิดท้ายด้วย Hot Pot น้ำซุฟอร่อยมากกกก นั่งทานกันยาวเลยล่ะเกือบบ่าย 3 






ออกมาจากร้านอาหารก็จะมองเห็นน้ำตก Silver Water Fall (น้ำตกซิลเวอร์)ไกลๆ ระหว่างทางก็จะเห็นทางน้ำตกก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกัน ลงมาได้แป๊บฝนตกนิดหน่อยรีบกลับขึ้นรถ







ระหว่างทางโชเฟอร์ก็จอดรถให้ แวะชมนาขั้นบันไดเป็นระยะๆ หมอกเยอะมากแต่ก็มีเสน่ห์อีกแบบนึง หมอกฟูสวยเชียว แลกกับบางช่วงที่มองไม่เห็นนาขั้นบันได














กลับที่พัก เดินเล่นในตลาด Shopping กันเพลินเลยได้ Shopping ก็กายเหนื่อนนอนหลับสนิท เก็บแรงพรุ่งนี้ลุยกันต่ออีก......

วันที่ 14 ตุลาคม 2561 ยอดเขาฮามลอง  จตุรัสเมืองซาปา (Sapa Town Square) โบสถ์ Notre Dame Cathedral หมู่บ้านต่าฟาน หมู่บ้านกัต กัต และทะเลสาบซาปา

ตื่นเช้าหลังทางอาหารเช้าอิ่มกลับขึ้นไปบนห้องกะว่าจะถ่ายภาพวิวสวยๆจากห้องพัก ที่ห้องพักจะมีประตูเปิดออกมาจะมีระเบียงชมวิวสวยๆ กดชัตเตอร์ภาพที่ 1 2 3 4 5 ภาพที่ 6 เริ่มขาวโพลนปกคลุมไปด้วยหมอกมองไม่เห็นวิวเลย อะไรจะขนาดนั้น มาเร็ว เคลมเร็วจริงๆ






เมื่อวานโดนอากาศหนาวทั้งวันวันนี้จัดเต็มเลยล่ะค่ะ เตรียมพร้อม ช่วงเช้าโชเฟอร์แนะนำให้พวกเราเดินไปยอดเขาฮามลองในช่วงเช้า แล้วรถจะมารับไปทานอาหารเที่ยง บ่ายค่อยไปหมู่บ้านต่าฟาน หมู่บ้าน กัต กัต และทะเลสาบซาปา








จตุรัสเมืองซาปา (Sapa Town Square) จตุรัสกลางเมืองซาปาที่เป็นเสมือนศูนย์กลางในการพบปะและพักผ่อนแต่เช้านี้ก็ไม่ต่างจากเมื่อวานเต็มไปด้วยหมอกขาวโพลนเป็นระยะๆ พวกเรารีบแชะๆกันอย่างรวดเร็ว ช้าไม่ได้ถ้าชาก็จะไม่ได้ซักภาพ หมอกมันจะมาบดบังความสวยงามของนางแบบหมดเลย








ชม Notre Dame Cathedral นี่ขนาดว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยหมอก ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเช่นกัน ระหว่างนี้พี่นิพนธ์ก็พยายามรำลึกความหลังที่เคยมาที่นี่ว่าจะไปฮามรองทางไหน สรุปว่าถ้าเราหันหน้าเข้าโบสถ์ ให้ไปทางซ้ายมือเดินตรงไปสุดทางประมาณ 20-30 เมตร จะไปเจอโรงแรม ฮามรองจะอยู่ทางซ้ายมือ




ที่ซาปาที่เราจะเห็นจนชินตาทุกที่ก็คือจะเห็นชาวเขาทุกวัย มาขายของที่ระลึก บ้างก็มีที่แบกน้องไว้ที่หลังก็มี


 ยอดเขาฮามรอง ชมทิวทัศน์เมืองซาปาในมุมมองพาโรนามา ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา
ทางเข้าให้เดินเข้าไปซอยด้านซ้ายที่ติดกับโบสถ์ของซาปา จากนั้นพอเจอซุ้มสีเขียว ซึ่งเป็นทางเข้าโรงแรม ให้เลี้ยวซ้ายอีกทีเดินเข้าไปเลย เดินเข้าไปนิดนึงก็จะเจอซุ้มขายตั๋ว ต้องซื้อตั๋วก่อนถึงจะเข้าได้ ถ้าเดินผ่านไปตรงทางเข้าแล้วไม่มีตั๋ว ต้องเดินกลับลงมาซื้อตรงนี้ ราคาค่าเข้าคนละ 70,000 ดอง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 บาท อันนี้ก็  include ใน package ทัวร์ด้วย ตรงทางเดินก็จะเป็นร้านขายของตลอดแนว








ระหว่างเดินขึ้นไปพื้นก็จะเปียกแฉะๆ อากาศก็ค่อนข้างเย็น ระหว่างเดินขึ้นไปก็เก็บภาพเป็นระยะๆ
เพลินๆ







ถึงลานดอกไม้สวยๆจนได้ จุดนี้ถ่ายภาพวิวซาปา ได้ค่อนข้างชัด แต่ถ้าจะได้วิวแบบ 360 องศา คงต้องขึ้นไปอีกจนถึงจุดชมวิวด้านบน อิอิ ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเดินต่อไปด้านบน ขอถ่ายภาพตรงนี้ล่ะนะ แสงแดดเริ่มมา เสื้อที่จัดเต็มมาเมื่อเช้าเริ่มเปลี่ยนที่อยู่ไปอยู่ในเป้แล้วล่ะค่ะ....ช่วงนี้ก็เก็บภาพสวยๆของทั้งนางแบบและวิว
















































รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Indigo Restaurant & Bar ร้านอยู่ใกล้ๆกับฮามลอง จุดท่องเที่ยวที่ซาปา จะอยู่ใกล้ๆกัน ทานอาหารกันอิ่มแล้วก็พลาดไม่ได้ที่จะรีบเดินไป Shopping มีร้านค้าตลอดแนว เพลินกับการ Shopping กันเลยนะ... 






















หลังจากอิ่มอาหารมื้อเที่ยง เป้าหมายต่อไปของพวกเราก็คือหมู่บ้านต่าฟาน ระหว่างทางโชเฟอร์ก็จะหยุดรถให้ที่จุดชมวิว ให้ได้ชมความสวยงามของนาขั้นบันได และวิวสวยๆ เสียดายที่นาขั้นบันไดช่วงนี้เค้าตัดไปเกือบหมด ถ้ามาประมาณเดือนกันยาคงเห็นทุ่งนาสีเหลือสะพรั่งแน่ แต่ก็เป็นข้อจำกัดของครูที่เรามีเวลาเพียงเดือนเมษายน หรือเดือนตุลาคม เท่านั้นเอง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ชมนาข้าวสีเหลือง แต่ที่ได้ชมกันก็สวยงามไปอีกแบบนะคะ






























ตรงจุดชมวิวต่างๆก็จะมีชาวเขาทั้งเด็ก ผู้ใหญ่และคนแก่ มาขายของแก่นักท่องเที่ยว ค่อนข้างจะตื้อมากๆเลย จะถ่ายภาพวิวก็ไม่ค่อยสะดวก คุณยายมาสะกิดอยู่เรื่อยเลย





















































ที่หมู่บ้านต่าฟาน ต้องเสียค่าเข้าหมู่บ้าน ราคาคนละ 75,000 ด่อง ประมาณ 107 บาท include ใน Package Tour  เป็นหมู่บ้านที่เพิ่งจะเริ่มจัดการเรื่องการท่องเที่ยว ยังไม่เป็นระเบียบเท่าไร ไปถึงก็จะเป็นเด็กๆชาวเขา นั่งปักกันเป็นแถว เป็นลักษณะเด่นของชาวเขานะคะที่จะมีฝีมือในงานเย็บปักถักร้อย และเลี้ยงน้องมีผ้ามัดน้องอยู่ด้าน เด็กๆจะชอบคุยกับชาวต่างชาติ ถามโน่นนั่นนี่ สรุปแล้วก็จะพยายามขายของนั่นเอง ก็จะเดินตื้อตามไปตลอด เสนอสินค้าโน่นนั่นนี่  ครั้งแรกก็กะว่าจะเดินไปชมนาขั้นบันไดให้ถึงที่เลย แต่เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ แต่ละคนเลอะโคลนกันทั้งนั้นเลย บางคนเหมือนกับจะลื่น โคลนทั้งตัดเลย อุยยย ไม่ไปดีกว่าดูห่างๆปลอดภัยที่สุด เดินได้ซักครู่ก็เลยตัดสินใจกลับ เดี๋ยวจะไปอีกหมู่บ้านนึงดีกว่า...












หมู่บ้านกัต กัต ( Cat Cat Village ) ค่าเข้าหมู่บ้าน 70000 ด่อง ประมาณ 100 บาท Include ใน Package Tour เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ามั้งที่ทำนาอยู่ในหุบเขา ใกล้ๆกับตัวเมืองซาปาไม่ไกลจากหมู่บ้านต่าฟาน  (Ta Van Village ) ที่นี่ค่อนข้างมีการจัดการที่ดีทางเดินก็ค่อนข้างสะดวก มีแผนที่ในการเดินชมชัดเจน ที่นี่จะมีการจำหน่ายชุดชาวเขา สาวๆจะซื้อชุดชาวเขาครบชุด แถมถือร่วมสวยๆ แต่งกันสวยงาม ครั้งแรกแยกแทบไม่ออกว่าไหนนักท่องเที่ยว ไหนชาวเขาตัวจริง...อ้อ รู้แล้ว สังเกตที่รองเท้า นักท่องเที่ยวจะใส่รองเท้าผ้าใบสวยๆ  แต่าวเขาแท้เขาจะใส่รองเท้าบู้ท....มาที่นี่ชื่อหูชื่นตา ก็ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวแต่งตัวชาวเขาสวยๆ ด้วย ทำให้อดไม่ได้ที่จะซื้อกระโปรงชาวเขามาด้วยเป็นที่ระลึก....

เดินชมวิวนาขั้นบันได ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ไม่ได้เดินไปถึงน้ำตกหรอกค่ะ  เวลาน้อยแถมฝนตกอีก  เดินไปได้ซักพักก็เดินกลับไปนั่งดื่มเครื่องดื่มที่ร้านใกล้ๆกับที่รถจอดรออยู่




















































ระหว่างนั่งรอชมวิวสวยๆ เริ่มได้แสงพอประมาณแล้ว กำลังจะถ่ายภาพขอแสงอีกนิดๆๆ อยากจะร้องให้วูบเดียวเท่านั้นหมอกมาอย่างรวดเร็ว และแล้วก็ขาวปกคลุมวิวสวยๆที่เล็งไว้ หมดกันภาพวิวสวยๆที่รอกด Shutter อกหักเลยเรา นั่งรอกันซักพักก็ไม่วี่แวว ยอมแพ้กลับไปเที่ยวที่ทะเลสาบดีกว่า






ระหว่างที่มาชมทะเลสาบรถมาส่ง...ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อตอนกลางวันเรา Shopping กันซะเยอะเลยทำไงล่ะทีนี้ ดีนะที่หนุ่มๆเค้าไม่ค่อย Shopping ก็เลยต้องกระจายสินค้าฝากกับหนุ่มๆไปบ้างก็พอจะเดิน
ชมทะเลสาบซาปา (Sapa Lake) ได้กันแบบสะดวกๆหน่อย เสียดายที่มาถึงก็เกือบๆจะพลบค่ำ ก็เลยถ่ายภาพได้ไม่กี่ภาพ แล้วก็เดินกลับที่พัก ไปพักผ่อนซักหน่อยแล้วเดี๋ยวก็จะเดินออกมาเที่ยวตลาดกันอีก


















ระหว่างเดินทางกลับโรงแรม


















ออกมาเดินเล่นในตลาด มีชาวเขาขายสินค้าพื้นเมืองวางบนพื้นทั้ง 2 ฝั่งถนน มีเด็กชาวเขาเล็กแต่งกายสวยงามนั่งขายสินค้า ลองเข้าไปถามสินค้าบางคนก็ตอบไม่ได้หรอกค่ะว่าราคาสินค้าที่ขายไม่ทราบว่ากี่ด่อง...รายได้น่าจะได้จากที่นักท่องเที่ยวขอถ่ายภาพด้วย พวกเราก็อุดหนุนกิจการนี้เหมือนกันนะคะ







วันที่ 15 ตุลาคม 2561
ซาปา ตลาดชายแดนจีน เวียดนาม  ฮานอย ระบำหุ่นกระบอกน้ำ
เช้าวันนี้หลังจากทานอาหารเช้าและ Check Out ห้องพักเรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกลจากซาปา กลับไปฮานอย โดยรถตู้ ระยะทางเพียง 3 ร้อยกว่ากิโลเมตร แต่การเดินทางในประเทศเวียดนาม ใจร้อนไม่ได้ ต้องไปตามกฎจราจร มิฉะนั้นต้องเสียทั้งเงินค่าปรับ และเสียเวลาการเดินทาง
ปัญหาความปลอดภัยในเวียดนามคือ อุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงทำให้รัฐบาลเข้มงวดกับการจำกัดความเร็ว คือ ในเมืองใช้ความเร็วได้ ไม่เกิน 40 กม./ชม. และนอกเมืองไม่เกิน 60 กม./ชม. ผู้ฝ่าฝืนจะถูกยึดใบขับขี่เป็นเดือน ทำให้ไม่สามารถทำมาหากินได้ จึงทำให้ผู้ขับขี่ไม่กล้าฝ่าฝืน



ระหว่างทางผ่านโชเฟอร์ก็จอดรถให้เป็นระยะๆ ที่จุดชมวิวต่างๆให้เราได้ถ่ายภาพวิวนาขั้นบันได หมอกก็เยอะเหมือนวันก่อนๆ บางครั้งต้องรอเวลาฉากสวยๆ แต่เราต้องเดินทางไกลก็ตัดใจถ่ายภาพเท่าที่ทำได้











































































หลังจากถ่ายภาพวิวกันเต็มอิ่มแล้วก็ไปที่ตลาดชายแดน มีสินค้าเยอะแต่ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าจากเมืองจีน ไม่มีสินค้าใดเตะตาเท่าไร กลัวเรื่องคุณภาพ...ทำได้แต่ซื้อเครื่องดื่มรองท้องก่อนทานอาหารกลางวันแพนกันว่าจะไปทานที่ LAO CAI












และนี่ก็คือร้านอาหาร อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ LAO CAI  รสชาดอาหารก็โอเคค่ะ











เข้ามาถึงเมืองฮานอยเย็นแล้วแต่กว่าจะเข้าไป Check in 

โรงแรม Angel Palace Hotel
ที่อยู่: 173 Hàng Bông, Hoàn Kiếm, Hà Nội, เวียดนาม
โทรศัพท์: +84 24 6299 8666

ก็ใช้เวลาพอสมควรด้วยทั้งรถติด และโชเฟอร์ต้องถามหาเส้นทาง ส่งท้ายพี่ตู่ น้าวัช เจ๊กุ๋ย ซึ่งได้ซื้อซิมของเวียดนามไว้ใช้ Google Maps นำทางไปถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ.......หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของทัวร์มารับพวกเราเดินไปชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำใช้เวลาในการแสดง 45 นาที เดินจากโรงแรมมาที่การแสดงค่อนข้างทุลักทุเลหน่อยช่วงข้ามถนน เพราะต้องข้ามถนนประมาณ 6-7  แยก...ไม่แน่ใจล่ะ ค่าเข้าชมคนละ 100,000 ด่อง ประมาณ 140 กว่านิดๆ ก็เป็นรายการที่ include ใน Package ทัวร์ค่ะ


























หลังชมการแสดงจบแล้ววางแผนกันว่าเราจะทานอาหารเย็นกันแบบเบาๆๆบริเวณนั้น มื้อนี้กินอาหารสไตล์เวียดนามแท้ๆเลยล่ะค่ะ และจะต่อกันด้วย Shopping ละลายทรัพย์หน่อย พรุ่่งนี้จะต้องเดินทางกลับเมืองไทยกันแล้ว.....




จากนั้นก็ Shopping ทิ้งทวนก่อนกลับ ระหว่างเดินกลับโรงแรมจะมีร้านขายรองเท้า Brand แท้ตลอดแนวส่วนใหญ่จะติดป้ายลดราคา เลยเดินร้านนี้ออกร้านโน้น  แต่คู่ที่เราจะเอาดันเป็น New Arrival ไม่ลด ซะงั้น และแล้วก็เจ็บตัวกันตามๆกัน รองเท้าคนละคู่ 2 คู่...อิอิ ก็มันชอบอ่ะไม่ลดก็ซื้อ 555  ที่ระลึกจากฮานอยล่ะค้าา..

วันที่ 16 ตุลาคม 2561
ฮานอย  สุวรรณภูมิ  ดอนเมือง สุราษฎร์ธานี








กลับถึงสุราษฎร์ธานีโดยสวัสดิภาพ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ท่องเที่ยว ณ JEJU เกาหลีใต้

2-6 เมษายน 2558 เกาะเชจู เมืองมรดกโลก ที่องค์การ UNESCO ให้รางวัลเกาะเชจูเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลก The World's new 7 wonders of nature เพราะเกาะเชจูเป็นเกาะที่เกิดใหม่จากภูเขาไฟ วันที่ 2 เมษายน 2558 ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 น.ใช้บริการ Driver กิตติมศักดิ์คนเดิมอีกเช่นเคย พี่ตุ๊พี่สาวที่น่ารักนั่นเองให้บริการทุกครั้งไม่เคยบ่น น่ารักจังพี่สาวเรา ถึงโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา รอรับพี่สมชาย และน้องตี๋ เพื่อนร่วมเดินทางไป เจจู ทริปนี้ค่ะ สมาชิก 20 คนนำทีมโดยพี่ตู่กับพี่ยิ่งค่ะ บางส่วนก็เดินทางล่วงหน้าไปกทม.ก่อนแล้ว สำหรับคณะที่เดินทางวันนี้ นัดกันที่สนามบินสุราษฎร์ธานี เดินทางไปกรุงเทพมหานครด้วยเที่ยวบิน DD7213. Nok Air เวลา 14.20 ถึง กทม.เวลา 15.30 มีเวลาเหลือเฟือทัวร์นัดรวมพลกันเวลา 23.00 ตัดสินใจเดินทางด้วย Shuttle Bus ฟรี  เจ้าหน้าที่ขอตั๋วพวกเราไม่มีแต่ใช้ตารางการเดินทางไปเกาหลีได้รถออกเวลา 16.00 น. ฟรีแต่ว่าร้อนมากๆ แต่ก็อดทนล่ะประหยัดค่า taxi ไปเกือบพันบาทเพราะถ้าเดินทางด้วย Taxi จะต้องใช้ 2 คัน ร้อนหน่อยก็ถือว่า

ตอนที่ 1 เดินทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน วันที่ 6-12 ธันวาคม 2559(1)

วันที่ 6-7 ธันวาคม 2559 ตอนที่ 1   ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4   ตอนที่ 5 วันที่ 6 ธันวาคม 2559 เดินทางจากสนามบินสุราษฎร์ธานี เวลา 14.50 สู่สนามบินเชียงใหม่ เวลา 16.45  โดยสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบิน FD 5421 ถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็ชินตากับมุมที่เค้าจัดดอกไม้ต้อนรับ ปีที่ผ่านมาก็เจอภาพนี้ เห็นครั้งแรกตื่นเต้นถ่ายภาพไปหลายภาพ รวมพลกันเรียบร้อย พี่ตู่ พี่ยิ่ง หัวหน้าคณะก็ออกไปติดต่อรถตู้ที่เช่าไว้ ออกไปรอด้านหน้าสนามบินแป๊บนึงรถก็มารับนำพวกเอาไปแวะเยี่ยม อ.สุรีย์  หลังจากนั้นก็แวะรับประทานอาหารเย็นที่ ล้านกินเส้น อาหารมีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารทางเหนือ อาหารทั่วๆไป สั่งได้ อ้อ มีบริการชาเขียวฟรีด้วย ถามๆที่พี่เค้าสั่งมาทานกัน ข้าวซอย ร้านนี้อร่อยค่ะ เสียดายไม่ได้สั่งไปสั่งเย็นตาโฟ เดินทางไกลเลยอยากจะทานอะไรร้อนๆ......อิอิ ไม่อร่อยเลยค่ะ อาหารญี่ปุ่นพวกปลาปริมาณค่อนข้างน้อย ถ้าจะทานให้อิ่มน่าจะต้องสั่งมาทานซัก 2 อย่าง ทางอาหารอิ่มแล้วก็ไปช้อปปิ้ง Gift fair ที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมเชียงใหม่ได้กระเป๋าเป้ Mads in Thailand ใบละ 250 มา