ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 1 ท่องเที่ยวย่างกุ้ง พุกาม วันที่ 21-25 ตุลาคม 2558

ท่องเที่ยวย่างกุ้ง พุกาม วันที่ 21-25 ตุลาคม 2558
วันแรก วันที่ 21 ตุลาคม 2558 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพ-ย่างกุ้ง
ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4

เวลา 11.25 น.เดินทางจากสนามบินสุราษฎร์ธานีไปสนามบินดอนเมือง โดย แอร์เอเชีย FD 3238
เนื่องจากการเดินทางในครั้งนี้ไม่โหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่อง จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนเดินทาง
โดยเฉพาะ

สัมภาระชึ้นเครื่อง (Cabin Baggage) ผู้โดยสารแต่ละคนจะมีสิทธิ์พกพาของได้หนึ่งชิ้นและ/หรือกระเป๋าโน้ตบุ๊ก 1 ใบหรือกระเป๋าถือ 1 ใบเข้าห้องโดยสารของเครื่อง ของแต่ละชิ้นต้องมีขนาดไม่เกิน 56 ซม. x 36 ซม. x 23 ซม (เท่ากับกระเป๋าขนาด 22 นิ้ว) และห้ามหนักเกิน 7 กก. ไม่รวมกับสัมภาระพกพา นอกจากนี้ สัมภาระดังกล่าวควรจะสามารถเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าหรือช่องเก็บของเหนือหัวได้


การพกพาของเหลว กระป๋องสเปรย์ และเจลบนเครื่องบินนานาชาติ
ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เราจึงเริ่มใช้ข้อจำกัดบางอย่างเพื่อกำหนดปริมาณของเหลว สเปรย์ และเจล (หรือเรียกรวมว่า "LAG") ที่ผู้โดยสารอาจจะใส่รวมเข้าไว้ในสัมภาระพกพาของเที่ยวบินนานชาติ.
วัตถุกลุ่ม LAG ซึ่งได้แก่เครื่องดื่ม ครีม น้ำหอม สเปรย์ เจล และยาสีฟันจะต้องถูกเก็บอยู่ในภาชนะที่มีความจุไม่เกิน 100 มล./มก..ภาชนะใส่ LAG ทุกชิ้นควรมีขนาดพอดีไม่คับเกินไปสำหรับถุงพลาสติกใสแบบซีลปิดได้. อนุญาตให้ผู้โดยสารแต่ละท่านมีถุงพลาสติกใสแบบซีลปิดได้เพียงหนึ่งใบเท่านั้น โดยต้องมีปริมาตรไม่เกินหนึ่งลิตรและขนาดไม่ใหญ่กว่า 20 ซม. x 20 ซม..




อนุญาตให้ใส่สิ่งของต่อไปนี้ไว้ในสัมภาระพกพาได้
ยา – ในปริมาณที่เหมาะสมกับการเดินทางของท่าน เช่นชุดยาแก้เบาหวาน.
อาหารทารก – ครีมและของเหลวที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง.
เครื่องสำอางที่ไม่ใช่ของเหลว – ก้อนระงับกลิ่นกาย ลิปสติก ผงรองพื้น.
อาหารทะเลหรือเนื้อสัตว์สด/แช่แข็ง - ต้องแพ็คมาอย่างเหมาะสม.

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.airasia.com/th/th/baggage-info/cabin-baggage.page

นอกจากนี้ก็มีข้อกำหนดต่างๆ ในการห้ามนำวัตถุแหลมคมทุกชนิดติดตัวขึ้นเครื่อง ถ้าจะนำไปด้วยจะต้องโหลดใต้ท้องเครื่องค่ะ อย่าลืมนะคะถ้าเผลอติดตัวมาจะวุ่นวายมากหลัง Scan กระเป๋า เพราะเค้าจะรื้อกระเป๋าถือของเราทั้งหมดเลย

Power Bank ก็เช่นกันให้ถือขึ้นเครื่องห้ามโหลดใต้ท้องเครื่อง ให้ถือขึ้นเครื่องเท่านั้นนะคะ
ถ้าขนาดมากกว่า 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นไปเลยนะคะ
ขนาด 20,000 mAh - 32,000 mAh อนุญาตให้นำไปได้ 2 ก้อน
ขนาดไม่เกิน 20,000 mAh นำไปได้ไม่จำกัดจำนวน







อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจากที่นี่เพื่อประโยชน์ในการเดินทางค่ะ  http://www.crewsociety.com/2658

เริ่มตั้งแต่สนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานี ก่อน Check in สิ่งที่ทุกคนลืมไม่ได้ก็คือชั่งกระเป๋า ตรวจสอบให้ไม่เกิน 7 Kg 





คณะที่ไปนำทีมโดยพี่ตู่ กับพี่ยิ่ง รวมทั้งหมด 29 คน  ที่สนามบินดอนเมือง (Don Mueang International Airport)จุดนี้ก็แลกเงินดอลล่า เพิ่มอีก 5000 บาท น้องพลอย 2000 บาท พี่ตุ๊ 2000 บาท ได้อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD  = 35.84   กะว่าจะ เอาไปแลกเป็นเงิน จ๊าด ทีสนามบินย่างกุ้ง (ํYangon International Airport) ฝากพี่ตู่แลกได้อัตราดีกว่า 1 USD = 35.55 อิอิ เดินทางครั้งนี้น้องพลอยหลานสาวคนสวยไปด้วย น้ากิตเตรียมความพร้อมซักหน่อย  ก่อน Check in ทุกคนก็เตรียมควาพร้อมหาอาหารง่ายๆทานกันหิวก่อน เครื่องออกประมาณบ่าย 4 โมงถึงย่างกุ้งประมาณห้าโมงกว่าๆ   เมื่อ Check in เรียบร้อย ทุกคนจะได้  Thai Immigration Bureau บัตรขาออก (Departure card) และ บัตรขาเข้า (Arrival Card) มีกรอกข้อมูลเล็กน้อย ย้ำนะคะให้เขียนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ กรอกทั้ง 2 ใบเลยนะคะ สำหรับต่างชาติต้องกรอกรายละเอียดด้านหลังแต่ละใบอีกด้วยค่ะ ลายเซ็นก็ให้เหมือนกับพาสปอต นะคะ 




ระหว่ารอสมาชิกทั้ง 29 คน ก็ถ่ายภาพเล่นเป็นที่ระลึก 2-3 ภาพ ฉากสวยดี ดูเป็นไทยๆ 


 


ช่วงนี้ทำเวลานิดนึงนะคะ ช่วงที่ผ่านด่าน ตม.คนเยอะมากถึงแม้ว่าคนไทยจะให้แบบอัตโนมัติก็ใช้เวลารอพักใหญ่ๆเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ผ่านการ Scan ก็เสร็จเรียบร้อย เดินเล่นได้นิดหน่อยก็ต้องไปรอที่ Gate 2 เที่ยวบินที่ FD 253





เอกสารที่จะต้องเขียนมี 2 ใบนะคะ 
ใบแรก มี 2 ส่วน Departure Card กับ Arrival Card



ใบที่ 2 คือใบที่ต้องสำแดงสิ่งของที่นำเข้าประเทศ




นั่งเครื่องไปได้ซักพักใหญ่ๆ แอร์โฮสเตส ก็นำใบ Arrive Card และ Departure Card ของ The Union Of Myanmar และ Declaration Form ช่วงผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เราจะใช้ Arrive Card+Boarding Pass+Passport ส่วน Declaration Form จะใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะออกจากสนามบินที่ Myanmar จะให้เรา Scan กระเป๋าก่อนออกอีกครั้ง พร้อมกับเก็บใบDeclaration Formช่วงนี้เลย

อ้อเรื่องการแลกเงินขอแนะนำให้แลกด้านนอกจะได้ราคาดีกว่าแลกด้านใน 1 บาท = 35.98 จ๊าด แลกไว้บ้างสำหรับซื้อของเล็กๆน้อยๆ กับทำบุญ ซื้อดอกไม้ไหว้พระบ้าง  ส่วนซื้อของใช้เงินไทยได้ค่ะ

ไปถึงสถานบินก็มีน้องชายของคนที่พี่ตู่ติดต่อเช่ารถมารับ และแนะนำให้แลกเงินจ๊าด เสร็จเรียบร้อยก็นำกระเป๋าไปไว้ข้างรถ ก็จะมีบางท่านถือกระเป๋าขึ้นไปบนรถ บางท่านก็วางข้างรถ เค้าก็นับกระเป๋าที่ใส่ไว้ใต้ท้องรถเรียบร้อย เค้าก็นับจำนวน

 ระหว่างทางที่จะไปที่โรงแรม Vintage Luxury Yacht Hotel รถติดมาก ได้ถ่ายภาพบรรยากาศกลางคืนเก็บเป็นที่ระลึกนิดหน่อย ไปถึงโรงแรมก็มืด เกิดปัญหากับกระเป๋าของครูกิติมา นิดหน่อยกระเป๋าหาย คงเป็นเพราะกระเป๋าใบเล็กเกินไปมี๊ง เลยเอาลงจากรถไม่หมด ตอนแรกก็ตกใจแล้วถ้ากระเป๋าหายจริงๆ เป็นเรื่องล่ะซิ จะเอาของที่ไหนมาใช้ละนี่ ดีที่เค้าไปหาที่รถให้ใม่เลยเจอ ยิ้มออกเลยเรา..... 


หลังจากหายตกใจจากกระเป๋าหาย ก็มาตระการตากับที่พักทรงเรือแนววินเทจ ตอนนี้ทำได้เพียงถ่ายรูป
จากด้านหน้าโรงแรมก่อนนะคะ ยังไม่ได้ Check in รถก็ไปส่งพวกเราไปที่วัดเทพทันใจ โบตาถ่อง 
(Botataung) ส่วนขากลับให้เดินกลับมาที่พักเพราะไม่ไกล







รถมาส่งพวกเราที่วัดเทพทันใจ โบตาถ่อง (Botataung) พอมาถึงทุกคนต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า ถุงน่อง
วางไว้ เพื่อความมั่นใจถอดรองเท้าใส่ถุงที่เตรียมมาและใส่เป้ติดตัวไปด้วยปลอดภัยดี  มีคนขายดอกไม้
สำหรับไหว้พระราคา 500 จ๊าด คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 15 บาท 2 ชุดก็ 1000 จ๊าด ที่เห็นส่วนใหญ่ก็เป็น
ดอกมะลิ กับดอกปีบ วันนี้เพิ่งจะได้ใช้เงินจ๊าดเป็นครั้งแรกงงๆ หยิบผิดหยิบถูก เผลอไปอ่านตัวเลขพม่า
ทุกที 










หนุ่มสาว ชาว Myanmar ใส่ผ้าถุงเป็นธรรมดาเลยล่ะ ไม่เคอะไม่เขินเลย ดูสวยเป็นธรรมชาติเชียว และ
การมาวัดและนั่งและสวดมนต์กันเยอะเลย นั่งแบบมีความตั้งใจและมีสมาธิเชียว อยากให้เด็กเราเอา
เป็นตัวอย่าง เวลาพวกเราเดินผ่านก็ต้องเดินอย่างสงบเช่นกันเกรงจะไปทำลายสมาธิเค้าเหมือนกัน 





หลังชมเจดีโบตาถ่อง ก็เดินตรงไปที่นัตโบโบยี (Bo Bo Gyi) หรือเทพทันใจ ใช้แบ๊ง 2 ใบม้วนเป็นกรวย
ซ้อนกัน ใส่ที่มือของเทพทันใจ เป็นเงินบาท หรือเงินจ๊าดก็ได้ เอาหน้าผากให้ตรงกับนิ้วชี้และอธิฐานขอ
พร หลังจากนั้นนำแบ๊ง ใบนึงใส่ในช่องบริจาค อีกใบพับเก็บไว้ที่ตัวเราเป็นสิริมงคล แต่ที่คณะเรากำลัง
ไหว้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยทำพิธีและแนะนำการขอพรจากเทพทันใจด้วย








เสร็จจากขอพรจากเทพทันใจ ก็เดินข้ามถนนด้วยเท้าปล่าวไปที่ เทพกระซิบ หรือ มะเมียะนางนเว 
(Mya Nan Nwe) มีเครื่องไหว้สักการะเยอะมากก็จะประกอบไปด้วยกล้วย มะพร้าว ใบมะกอก เป็นต้น 
จัดสวยงามใส่ในตะกร้า  การขอพรจากเทพกระซิบ ก็จะใช้วิธีกระซิบขอพรที่ข้างหูของเทพกระซิบ







ขากลับพวกเราเดินกลับชมวิถีชีวิตข้างทางน้องพลอยขอแวะซื้อรองเท้าแตะจะได้สะดวกเพราะต้องถอด
รองเท้าบ่อยมาก



ระหว่างทางเดินกลับโรงแรม ชมร้านขายอาหารริมแม่น้ำ ตลอดแนวจนถึงโรงแรม อยากจะซื้อทาน
เหมือนกันแต่ต้องอดใจไว้กลัวอาหารเป็นพิษ เดินชมอย่างเดียวปลอดภัยที่สุด  แต่ก็เห็นคนนั่งทานกัน
เยอะเลย  เดี๋ยวไปทานอาหารอร่อยๆที่โรงแรมดีกว่า





Check in เข้าห้องพักเรียบร้อย ตื่นเต้นกับการจัดห้องแนว Vintage มากเลย นี่ขนาดว่าอ่านรีวิว มาก่อน
แล้วนะคะนี่ เป็นการจัดห้องที่ลงตัวมากๆ ชมความสวยงามของห้องได้ไม่นาน หิวแล้วล่ะต้องไปหาอะไร
ทานก่อนล่ะ ร้านอาหารอยู่ชั้น 7 








ร้านอาหารก็จัดได้สวยงามเชียวแหละ อาหารช้ามาก แต่พวกเราอิ่มได้ด้วยขนมปัง เป็น Complimentary 
(Free of Charge) ที่ทางห้องอาหารจัดให้ลูกค้า










ที่ดูแปลกตาไปอีกแบบก็คือแก้วน้ำ แบบประหยัดน้ำตรงก้นจะดันแหลมขึ้นมาใส่น้ำนิดเดียวก็เต็มแก้วแล้วล่ะ


ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็สนุกกับการถ่ายภาพเล่นกัน เดินลงทางบันไดไปจนถึงชั้น 3 ไม่มีทางลงต่อแล้ว ลงลิฟต์ต่อมาถึงชั้นที่พวกเราพักคือชั้น G


  



มาถึงที่พักก็มีมุมให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอีกเยอะเลย สวยๆทั้งนั้น ขวดใส่ Shampoo ทำจากกะลามะพร้าวสวยไอเดียดีมาก









ภาพข้างล่างนี้คืออะไรคะ ทายหน่อยค่ะ 

อิอิ ตู้เย็นนั่นเอง
เปิดได้ทั้งด้านหน้า

เปิดจากด้านบนก็ได้



ทึ่งมากเลยค่ะ อันนี้คือโทรศัพท์ ใช้ได้ด้วยนะคะ ที่รู้ว่าใช้ได้เพราะว่าตอนเช้าเค้า Morning Call จากเครื่องนี้ล่ะคะ ตอนแรกคิดว่าเค้าวางโชว์ไว้สวยๆ ไม่คิดว่าจะใช้ได้


คืนนี้นอนหลับสบายเลยล่ะ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ