ตอนที่ 2 เดินทางหลวงพระบาง 7-11 มกราคม 2559 (9 มกราคม 2560)
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4
วันที่ 9 มกราคม 2560 รายการเที่ยวกันนี้อยู่นอกเมือง พี่ตู่ก็เลยเช่ารถตู้ 10 ที่นั่ง พวกเรา 7 คนเหลือที่นั่งสบายๆ เค้าคิด 3,000 บาทต่อวันรวมน้ำมันราคาก็พอๆกับในเมืองไทยนั่งสบายหน่อย ถ้าเดินทางด้วยรถ Taxi คล้ายๆรถเมล์/ตุ๊กๆบ้านเรา ไม่งั้นคงโดนทั้งลมทั้งฝุ่นแน่ๆเลย เมื่อคืนช่วงที่เราเดินเล่นกันก็มีรถ Taxi มาถามอยู่ว่าจะเช่ารถไปเที่ยวนอกเมืองป่าว พี่ตู่ตัดสินใจให้จ้าวปุ่นติดต่อรถให้ นั่งสบายกว่าเยอะเลยค่ะ
ก่อนเดินทาง เดินไปรับประทานอาหารเช้าที่ร้านประจำของพี่ตู่พี่ยิ่งกัน ทุกวันทางร้านจะมีเมนูแตกต่างกันทุกวัน วันนี้เป็นเฝอ มีเครื่องปรุง ผักให้ปรุงรสได้ตามชอบ มีมะนาว พริก...ทานอาหารที่หลวงพระบางโปรดระวังเครื่องปรุงระหว่างน้ำตาลกับผงชูรสที่นี่เค้าเรียกว่า แป้งนัว คล้ายกันมากปกติน้ำตาลจะใส่กระปุกใหญ่กว่า กระปุกแป้งนัว แต่ก็มีบางร้านเค้าใส่กระปุกเหมือนกันเลยยย...
ร้านที่ทานอาหารเช้าจะอยู่ใกล้ๆกับโรงเรียนจะเห็นนักเรียนเดินมาโรงเรียน เด็กผู้หญิงจะนุ่งผ้าถุง แต่เท่าที่สังเกตุส่วนใหญ่นักเรียนจะใส่กางเกงขายาวไว้ด้วยน่ารักดี เด็กๆผู้หญิงเลยเล่นได้เท่ากับเด็กผู้ชายเลยล่ะคะ อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นเด็กๆส่วนใหญ่จะสวมเสื้อกันหนาวอีกตัวนึง
จากนั้นก็มุ่งสู่น้ำตกกวางสี (Kouangxi Water Fall) น้ำตกกวางสี : "น้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง"
พิพิธภัณฑ์เจ้าเพชรราช หลวงพระบาง
“สันติเจดีย์ วัดป่าโพนเพา” Wat Pa Phon Phao
ที่ตั้ง นอกเมืองหลวงพระบางไปทางเหนือประมาณ 7 กิโลเมตร
เป็นหมู่บ้านงานหัตถกรรมกระดาษสา กรรมวิธีการผลิตใช้แรงงานคนล้วนๆ นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตขั้นตอนการผลิต
กลับที่พักน้องพลอยสนใจร้าน Luang Prabang Artisans Cafe เข้าไปเก็บภาพสวยๆหลายภาพเลยค่ะ
ดูพระอาทิตย์ตกดิน ทานมื้อค่ำที่ริมแม่น้ำโขง สวยมากตอนแรกท้องฟ้าไม่เปิดคิดว่าวันนี้คงไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดินซะแล้ว แต่แล้วอยู่ๆก็แสงพระอาทิตย์ก็จ้าขึ้นมาเลย ว๊าวววว แต่ก็เพียงแป๊บเดียว แค่พี่ตู่ขยับตำแหน่งหามุมกล้องไม่ทันซะแล้ว.....ดีที่น้องพลอยเก็บภาพสวยๆของแสงอาทิตย์ยามเย็นได้ 4-5 ภาพ....
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4
วันที่ 9 มกราคม 2560 รายการเที่ยวกันนี้อยู่นอกเมือง พี่ตู่ก็เลยเช่ารถตู้ 10 ที่นั่ง พวกเรา 7 คนเหลือที่นั่งสบายๆ เค้าคิด 3,000 บาทต่อวันรวมน้ำมันราคาก็พอๆกับในเมืองไทยนั่งสบายหน่อย ถ้าเดินทางด้วยรถ Taxi คล้ายๆรถเมล์/ตุ๊กๆบ้านเรา ไม่งั้นคงโดนทั้งลมทั้งฝุ่นแน่ๆเลย เมื่อคืนช่วงที่เราเดินเล่นกันก็มีรถ Taxi มาถามอยู่ว่าจะเช่ารถไปเที่ยวนอกเมืองป่าว พี่ตู่ตัดสินใจให้จ้าวปุ่นติดต่อรถให้ นั่งสบายกว่าเยอะเลยค่ะ
ก่อนเดินทาง เดินไปรับประทานอาหารเช้าที่ร้านประจำของพี่ตู่พี่ยิ่งกัน ทุกวันทางร้านจะมีเมนูแตกต่างกันทุกวัน วันนี้เป็นเฝอ มีเครื่องปรุง ผักให้ปรุงรสได้ตามชอบ มีมะนาว พริก...ทานอาหารที่หลวงพระบางโปรดระวังเครื่องปรุงระหว่างน้ำตาลกับผงชูรสที่นี่เค้าเรียกว่า แป้งนัว คล้ายกันมากปกติน้ำตาลจะใส่กระปุกใหญ่กว่า กระปุกแป้งนัว แต่ก็มีบางร้านเค้าใส่กระปุกเหมือนกันเลยยย...
ทานอาหารอิ่มแล้วก็เดินกันไปยังจุดนัดหมายรถบริเวณหน้า Wat ChoumKhong และ Wat Xieng Muan
พี่ตู่เกรงว่าระหว่างทางที่ไปน้ำตกกวางสี พวกเราจะหิวเลยให้รถไปส่งเพื่อไปซื้อของที่ตลาดเช้าก่อน น้องกิตกับน้องพลอยขอรอที่รถเลยถือโอกาสถ่ายภาพบรรยากาศริมแม่น้ำโขงยามเช้า ได้บรรยากาศสวยงามอีกแบบ....
ที่ตั้ง ห่างจากหลวงพระบางมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร เมื่อมาถึงลานจอดรถต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 300 เมตรจะพบน้ำตกกวางสี น้ำตกกวางสี หรือ ตาดกวางซี เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของหลวงพระบาง น้ำตกแห่งนี้อยู่นอกเมืองหลวงพระบางไปทางทิศใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร สภาพทางเป็นถนนลาดยาง ทางคดเคี้ยวเล็กน้อย ชื่อของน้ำตกกวางสี หมายถึง กวางหนุ่มที่เขาเพิ่งเริ่มงอก (ภาษาไทยเรียกกวางซีหรือกวางเขาซี) น้ำตกวางสีเป็นน้ำตกหินปูน สายน้ำทิ้งตัวจากหน้าผาสูงกว่า 70 เมตร สู่แอ่งน้ำกว้างเบื้องล่าง ทำให้เกิดละอองฝอยของไอน้ำพุ่งกระจายทั่วบริเวณ โดยบริเวณด้านล่างน้ำตกจะมีสะพานและเส้นทางให้เดินในชมมุมต่างๆ ตลอดจนมีที่นั่งให้ชมทิวทัศน์และพักผ่อนหย่อนใจ น้ำตกกวางสีมีน้ำไหลตลอดปี อากาศเย็นสบาย แต่ช่วงที่สวยที่สุดคือ ปลายฝนต้นหนาว เพราะน้ำจะใส ป่าจะเขียว อนุญาตให้เล่นน้ำได้เป็นบางจุดตามป้ายเตือนไว้เท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากใกล้ชิดน้ำตกก็มีทางเดินด้านข้างให้เลาะไปยังชั้นบน ซึ่งควรระมัดระวังในการเดินเพราะจะเป็นเส้นทางที่ลื่นชัน น้ำตกกวางสีอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ภายใต้การดูแลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้
นอกจากจะชื่นชมความงามของน้ำตกแล้ว ยังหาซื้อของที่ระลึกที่ทางเข้าน้ำตก ซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองที่ทำจากไม่ไผ่เป็นของใช้หลายชนิด และมี ร้านอาหารตามสั่ง ร้านอาหารประเภทปิ้งปลา ปิ้งไก่ ส้มตำ และเหล้าเบียร์ ให้บริการอยู่หลายร้าน ค่าเข้าชม คนละ 10,000 กีบ (40 บาท)
เปิดเวลาเข้าชม ตั้งแต่เวลา 06.00 - 17.30 น.
นอกจากจะชื่นชมความงามของน้ำตกแล้ว ยังหาซื้อของที่ระลึกที่ทางเข้าน้ำตก ซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองที่ทำจากไม่ไผ่เป็นของใช้หลายชนิด และมี ร้านอาหารตามสั่ง ร้านอาหารประเภทปิ้งปลา ปิ้งไก่ ส้มตำ และเหล้าเบียร์ ให้บริการอยู่หลายร้าน ค่าเข้าชม คนละ 10,000 กีบ (40 บาท)
เปิดเวลาเข้าชม ตั้งแต่เวลา 06.00 - 17.30 น.
พิพิธภัณฑ์เจ้าเพชรราช หลวงพระบาง
พระราชวังเชียงแก้ว, หลวงพระบาง
พระราชวังเชียงแก้ว (พระราชวังสีสุวันนะหอคำ)
ที่ตั้ง ทางทิศเหนือของบ้านเชียงแก้ว (ภายในบริเวณโรงแรมเดอะแกรนด์ หลวงพระบาง)
เพื่อเข้าพิธีอภิเษกที่หลวงพระบางและได้เข้าพำนักอยู่ที่วังแห่งนี้ เหตุผลที่สมเด็จเจ้ามหาอุปราชเพชรราชทรงเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักเนื่องจากพระองค์ทรงชอบความเงียบสงบเป็นธรรมชาติและได้ใช้เวลาว่างแทบทั้งหมดไปกับการทรงพระอักษรรวมทั้งใช้เป็นสถานที่พบปะเสวนากับบรรดากลุ่มบุคคล
ที่มีใจรักชาติ มีเจตจำนงในการสร้างสรรค์ความเป็นเอกราช อิสรภาพและรวมประเทศลาวให้เป็นเอกภาพ ภายหลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองเวียงจันทน์ และเตรียมเข้ายึดหลวงพระบางเจ้าเพชรราชได้ให้เสนาบดี 2 นาย พร้อมด้วยเจ้าแขวงหลวงพระบางไปเชิญทหารญี่ปุ่นเข้ามาในเมืองจากนั้นเจ้ามหาชีวิตพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ก็ได้ประกาศให้ลาวเป็นเอกราชและเข้าร่วมวงไพบูลย์ในสงครามมหาเอเชียบูรพากับกองทัพญี่ปุ่น แต่เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามและฝรั่งเศสได้หวนกลับคืนเข้ามาปกครองลาวใหม่อีกครั้งโดยการยินยอมของเจ้ามหาชีวิตสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์แต่เจ้าเพชรราชทรงไม่เห็นด้วยและได้ให้ท้าวโง่นชนะนิกรไปติดต่อกับแขวงคำม่วน, สะหวันนะเขต, ปากเซและสาละวัน เพื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาจักรหลวงพระบางเมื่อได้รับคำตอบเจ้าเพชรราชได้ทรงประกาศอย่างเป็นทางการในการรวมประเทศลาว มีรัฐบาลตั้งอยู่ที่กรุงเวียงจันทน์เจ้ามหาชีวิตสมเด็จศรีสว่างวงศ์ ได้ให้รัฐมนตรีมหาดไทยของรัฐบาลหลวงพระบาง ซึ่งมีเจ้าเพชรราชเป็นนายกรัฐมนตรีโทรเลขมายังเจ้าเพชรราชเพื่อแจ้งคำสั่งปลดออกจากตำแหน่งมหาอุปราชและนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ธันวาคม 2488 เจ้าเพชราชกลับมาพำนักที่วังเชียงแก้วตามเดิมเมื่อกองทัพฝรั่งเศสยึดได้ท่าแขก เวียงจันทน์และเตรียมเข้ายึดหลวงพระบางเจ้าเพชรราช เจ้าบุนยะวัติ เจ้าแขวงหลวงพระบาง พร้อมทั้งสมาชิกในคณะกู้ชาติทั้งหมดได้หลบลี้หนีภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทยและเจ้าเพชรราชได้ตั้งรัฐบาลลาวอิสระที่กรุงเทพฯ เพื่อกู้ชาติจากฝรั่งเศสภายหลังจากที่ประเทศลาวได้รับเอกราชเจ้าสุวรรณภูมา นายกรัฐมนตรีและพระยาเพ็งพงสะหวัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรรวมทั้งองค์สังฆนายกของลาว ได้มีหนังสือไปเชิญเจ้าเพชรราชกลับคืนสู่ประเทศโดยให้เหตุผลว่าบัดนี้ประเทศลาวเป็นเอกราชมีอิสรภาพและมีความเป็นเอกภาพตามที่พระองค์ปรารถนาทุกประการแล้วเจ้าเพชรราชกลับมาพำนักที่วังเชียงแก้ว หลังเข้าไปกราบบังคมทูลลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและจอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยใช้เวลาพำนักลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาถึง 10 ปีเมื่อเสด็จมาถึงเมืองหลวงพระบางได้รับแต่งตั้งให้เป็นมหาอุปราชดังเดิม วันที่ 14 ตุลาคม 2502 เจ้าเพชรราชสิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการเส้นโลหิตในสมองแตก
ที่วังเชียงแก้วหรือที่พระราชวังสีสุวันนะหอคำแห่งนี้ ขณะมีพระชนมายุ 69 ปี 7 เดือน12 วัน ปัจจุบันวังเชียงแก้วได้ถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมเดอะแกรนด์ หลวงพระบาง และยังคงรักษาตัวอาคารที่ประทับในสภาพเดิมและเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมได้ตลอดวันพระราชวังเชียงแก้ว (พระราชวังสีสุวันนะหอคำ)
ที่ตั้ง ทางทิศเหนือของบ้านเชียงแก้ว (ภายในบริเวณโรงแรมเดอะแกรนด์ หลวงพระบาง)
เพื่อเข้าพิธีอภิเษกที่หลวงพระบางและได้เข้าพำนักอยู่ที่วังแห่งนี้ เหตุผลที่สมเด็จเจ้ามหาอุปราชเพชรราชทรงเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักเนื่องจากพระองค์ทรงชอบความเงียบสงบเป็นธรรมชาติและได้ใช้เวลาว่างแทบทั้งหมดไปกับการทรงพระอักษรรวมทั้งใช้เป็นสถานที่พบปะเสวนากับบรรดากลุ่มบุคคล
ที่มีใจรักชาติ มีเจตจำนงในการสร้างสรรค์ความเป็นเอกราช อิสรภาพและรวมประเทศลาวให้เป็นเอกภาพ ภายหลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองเวียงจันทน์ และเตรียมเข้ายึดหลวงพระบางเจ้าเพชรราชได้ให้เสนาบดี 2 นาย พร้อมด้วยเจ้าแขวงหลวงพระบางไปเชิญทหารญี่ปุ่นเข้ามาในเมืองจากนั้นเจ้ามหาชีวิตพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ก็ได้ประกาศให้ลาวเป็นเอกราชและเข้าร่วมวงไพบูลย์ในสงครามมหาเอเชียบูรพากับกองทัพญี่ปุ่น แต่เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามและฝรั่งเศสได้หวนกลับคืนเข้ามาปกครองลาวใหม่อีกครั้งโดยการยินยอมของเจ้ามหาชีวิตสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์แต่เจ้าเพชรราชทรงไม่เห็นด้วยและได้ให้ท้าวโง่นชนะนิกรไปติดต่อกับแขวงคำม่วน, สะหวันนะเขต, ปากเซและสาละวัน เพื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาจักรหลวงพระบางเมื่อได้รับคำตอบเจ้าเพชรราชได้ทรงประกาศอย่างเป็นทางการในการรวมประเทศลาว มีรัฐบาลตั้งอยู่ที่กรุงเวียงจันทน์เจ้ามหาชีวิตสมเด็จศรีสว่างวงศ์ ได้ให้รัฐมนตรีมหาดไทยของรัฐบาลหลวงพระบาง ซึ่งมีเจ้าเพชรราชเป็นนายกรัฐมนตรีโทรเลขมายังเจ้าเพชรราชเพื่อแจ้งคำสั่งปลดออกจากตำแหน่งมหาอุปราชและนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ธันวาคม 2488 เจ้าเพชราชกลับมาพำนักที่วังเชียงแก้วตามเดิมเมื่อกองทัพฝรั่งเศสยึดได้ท่าแขก เวียงจันทน์และเตรียมเข้ายึดหลวงพระบางเจ้าเพชรราช เจ้าบุนยะวัติ เจ้าแขวงหลวงพระบาง พร้อมทั้งสมาชิกในคณะกู้ชาติทั้งหมดได้หลบลี้หนีภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทยและเจ้าเพชรราชได้ตั้งรัฐบาลลาวอิสระที่กรุงเทพฯ เพื่อกู้ชาติจากฝรั่งเศสภายหลังจากที่ประเทศลาวได้รับเอกราชเจ้าสุวรรณภูมา นายกรัฐมนตรีและพระยาเพ็งพงสะหวัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรรวมทั้งองค์สังฆนายกของลาว ได้มีหนังสือไปเชิญเจ้าเพชรราชกลับคืนสู่ประเทศโดยให้เหตุผลว่าบัดนี้ประเทศลาวเป็นเอกราชมีอิสรภาพและมีความเป็นเอกภาพตามที่พระองค์ปรารถนาทุกประการแล้วเจ้าเพชรราชกลับมาพำนักที่วังเชียงแก้ว หลังเข้าไปกราบบังคมทูลลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและจอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยใช้เวลาพำนักลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาถึง 10 ปีเมื่อเสด็จมาถึงเมืองหลวงพระบางได้รับแต่งตั้งให้เป็นมหาอุปราชดังเดิม วันที่ 14 ตุลาคม 2502 เจ้าเพชรราชสิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการเส้นโลหิตในสมองแตก
รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านคนไทย ทุกคนสั่งเมนูยอดฮิต ข้าวกระเพราะไข่ดาว
ชาเย็นแก้วใหญ่มากๆๆ
บ้านผานม, หลวงพระบาง
บ้านผานม ห่างจากเมืองหลวงพระบางประมาณ 4 กม. เคยเป็นหมู่บ้านที่ทอผ้าถ้วยมือถวายพระมหากษัตริย์ประเทศลาว ปัจจุบันเป็นศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าที่ทอด้วยมือ (กี่กระตุก) และสาธิตการทอผ้าด้วยมือ ณ ที่ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์บ้านผานมแห่งนี้ บ้านผานมยังมีศูนย์จำหน่ายเครื่องเงินโบราณที่ตีด้วยมือเช่นกัน นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชม และเลือกซื้อไปเป็นของฝากได้ในราคาไม่แพง
เปิดบริการ ตั้งแต่ 08.00 น. ถึงเวลา 17.00 น.ที่ตั้ง นอกเมืองหลวงพระบางไปทางเหนือประมาณ 7 กิโลเมตร
เป็นหมู่บ้านงานหัตถกรรมกระดาษสา กรรมวิธีการผลิตใช้แรงงานคนล้วนๆ นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตขั้นตอนการผลิต
ดูพระอาทิตย์ตกดิน ทานมื้อค่ำที่ริมแม่น้ำโขง สวยมากตอนแรกท้องฟ้าไม่เปิดคิดว่าวันนี้คงไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดินซะแล้ว แต่แล้วอยู่ๆก็แสงพระอาทิตย์ก็จ้าขึ้นมาเลย ว๊าวววว แต่ก็เพียงแป๊บเดียว แค่พี่ตู่ขยับตำแหน่งหามุมกล้องไม่ทันซะแล้ว.....ดีที่น้องพลอยเก็บภาพสวยๆของแสงอาทิตย์ยามเย็นได้ 4-5 ภาพ....
กลับจากทานอาหารมื้อค่ำ ได้เวลาเดินตลาดมืดกันแล้ว เมื่อคืนวานสำรวจตลาด วันนี้คงเริ่ม Shopping กันได้แล้วล่ะ ส่วนใหญ่สินค้าจะคล้ายๆกัน...น้องพลอยได้ของที่ระลึกฝากเพื่อนๆหลายชิ้น...คืนนี้นักท่องเที่ยวน้อยกว่าเมื่อวานเดิน Shopping สะดวกหน่อย...วันนี้ได้ของที่ระลึกมาซะหลายชิ้นเลย....หมวก ผ้าถุง ผ้าพันคอ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น