ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 1 ทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น - นาโกยา โอซากา เกียวโต ยะมะนะชิ โตเกียว (4 - 11 ธันวาคม 2562)

ทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น - นาโกยา โอซากา   เกียวโต  ยะมะนะชิ โตเกียว (4 - 11 ธันวาคม 2562)
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3  ตอนที่ 4

ตอนที่ 1  เดินทาง  นาโกยา โอซากา เคียวโกะ โกเบ  วันที่ 4 5 6  ธันวาคม 2562


การเตรียมตัว :
1) จองตั๋วเครื่องบิน
2) จองที่พัก
3) จัดกำหนดการเดินทาง
4) ทำประกันการเดินทาง 
5) การสื่อสารที่ญี่ปุ่น มีหลายช่องทาง
       เช่า Pocket Wifi 
       เปิด Roaming  dTac Travel Go
       Sim2Fly ของ AIS
ไม่ได้ใช้บริการบริษัททัวร์ทุกคนควรมีเบอร์โทรที่สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อได้ปลอดภัยและสบายใจที่สุดในการเดินทาง
 6) กระเป๋าเดินทางควรเลือกขนาดพอเหมาะและมีคุณภาพ
7) เตรียมของใช้เท่าที่จำเป็นค่อยไปซื้อเพิ่มได้ Mini Mart เยอะเหมือนเมืองไทยวิ่งซื้อได้ตลอด
8) แลกเงินเยน ให้เพียงพอ + บัตรเครดิต +บัตรเดบิต ไปกด ATM คิดค่าบริการ 100 บาท/ครั้งอย่างต่ำต้องกดหน่วย 10,000 เยน
9) ร้องเท้าที่เหมาะกับการเดินเยอะ แต่ละวันเกือน 10 Km


สรุปค่าใช้จ่าย :
     ค่าตั๋วเครื่องบิน
        ตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ สุราษฎร์ธานี - สุวรรณภูมิ คนละ  2,225     บาท
        ตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ สุวรรณภูมิ-ญี่ปุ่น 97,230 บาทเฉลี่ยคนละ 16,205     บาท
     ค่าที่พัก
         Osaka 3 nights 3 rooms; 90,900 JPY
          Kawaguchiko 1 nights 1 house; 26,500 JPY
          Tokyo 1 night 3 rooms; 38,280 JPY
          Total 155,770 JPY = 46,731 THB(0.30)
           ค่าที่พัก 46,731 เดินทาง 6 คน เฉลี่ยคนละ   7,788    บาท
     ค่าประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ 
          กับ https://www.thaivivat.co.th/th/index.php
          คนละ 500 บาท
     ค่าเดินทาง
         ค่าบัตร JR PASS ประมาณคนละ 8,000 บาท
     ค่าอาหาร
         ค่าอาหารประมาณ 7,065 บาท
     ค่าเช่าชุดกิโมโน + เพิ่มเติมค่าอาหาร+ค่าส่งกระเป๋า
         เก็บเพิ่มอีกประมาณ 5,000 บาท จ่ายเป็นค่าเช่าชุดกิโมโนประมาณคนละ 7,500 เยน(2,270 บาท )
         ที่เหลือก็สมทบเป็นค่าอาหาร และค่าส่งกระเป๋าจากโอซากาไปโตเกียว
     รวมต่อคนประมาณ  47,225 บาท ไม่รวมการShopping :  ??? แต่ละคน ??? พวกเราเต็มที่จ้าาา

วันที่ 4 ธันวาคม 2562
จากสุราษฎร์ธานีเดินทางโดยสายการบินไทยสไมล์ เที่ยวบิน WE258 Boardding Time 19.10 น. เวลาบิน 19.40 น. นัดพบที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอิน ผ่าน ตม. และออกเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติจูบุเซ็นแทรร์ เมืองนาโกย่า (Chubu Centrair International Airport) เที่ยวบิน JL738 เวลา 0:55 ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง เวลาของประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง


การกรอกเอกสารการเข้าเมืองญี่ปุ่นหรือ กรอกใบตม. ญี่ปุ่น ที่จำเป็นต้องกรอกแบ่งออกเป็น 2 ใบ คือใบ ตม. (Embarkation – Disembarkation Card) และใบศุลกากร (Custom Declaration) 

ใบ ตม. (Disembarkation Card)

ลูกเรือจะแจกให้บนเครื่องบิน จะได้รับแจกคนละใบ ควรกรอกบนเครื่องให้เรียบร้อยก่อนถึงญี่ปุ่น แต่ถ้าหลับเพลิน, ทำหาย ก็สามารถไปหยิบมาเขียนใหม่ได้ที่ก่อนเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ในสนามบิน


ใบ ตม. ญี่ปุ่น Version 2016-2019 จะมีแค่ใบขาเข้า (Disembarkation Card) ไม่มีใบขาออก (Embarkation Card) เหมือน Version เก่า หลังจากผ่าน ตม. ขาเข้าไปแล้วจะถูกเก็บไป

ใบศุลกากร (Customs Declaration)

เป็นใบที่แจกพร้อมกับใบ ตม. เพื่อตรวจสอบสินค้าที่เรานำเข้าญี่ปุ่น ว่าเกินสิ่งของต้องห้าม หรือมีปริมาณเกินกว่าที่กำหนดหรือเปล่า ใบนี้รายละเอียดค่อนข้างมาก ต้องกรอกให้ถูกต้อง ในการกรอกนั้นให้กรอกครอบครัวละ 1 ใบเท่านั้น เช่นครอบครัวมาด้วยกัน 4 คน ก็กรอกเพียงใบเดียว, คู่รักก็กรอกเพียงใบเดียว แต่ถ้ามากับเพื่อนกรอกคนละใบ ใบศุลกากรจะถูกเก็บหลังจากที่รับกระเป๋าแล้ว

  

ใบศุลกากรจะมีอยู่ด้วยกัน 2 หน้า ถ้าไม่ได้นำของต้องห้ามเข้ามาก็จะกรอกหน้า A เพียงหน้าเดียว
คำแนะนำการกรอก
1. หมายเลขเที่ยวบิน
2. เมืองที่ขึ้นเครื่องมา เช่น Bangkok
3. วันที่มาถึงญี่ปุ่น
4. ชื่อ
5. ที่อยู่ในญี่ปุ่น ใส่ชื่อโรงแรมที่พักลงไป หากพักมากกว่า 1 โรงแรมให้ใส่โรงแรมที่อยู่นานที่สุด
6. สัญชาติ
7. อาชีพ ควรระบุเป็นอาชีพที่ชัดเจนไปเลยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกถาม เช่น Engineer, Programmer, Lawyer สำหรับแม่บ้านที่แต่งงานแล้วไม่ได้ทำงานบริษัทให้ใส่ Housewife
นักเรียน – นักศึกษา : Student
ทำกิจการส่วนตัว : self-employed
ไม่ได้ทำงาน : unemployed
8. วันเกิด
9. หมายเลข Passport
10. จำนวนคนที่มาด้วยกัน
Adult ผู้ใหญ่
Under 20 years old ต่ำกว่า 20 ปี
Under 6 years old ต่ำกว่า 6 ปี
11. คุณนำสิ่งของเหล่านี้เข้าญี่ปุ่นมาหรือเปล่า
(1) สินค้าต้องห้าม
(2) สินค้า duty-free เกินจำนวณที่อนุญาต
(3) สินค้าในเชิงพาณิชย์ หรือ ตัวอย่าง
(4) สินค้าที่มีคนต้องการให้นำเข้ามา
ถ้าตอบใช่ (Yes) แม้แต่ข้อเดียว ให้ไปกรอกต่อหน้า B
12. เงินสด, เช็ค เกินกว่า 1,000,000 เยน
13. มีสิ่งของที่จะส่งตามมาทีหลังหรือไม่
14. ยืนยันว่าข้อมูลด้านบนถูกต้อง พร้อมเซ็นชื่อ
ถ้าข้อ 11-13 ตอบ No หมดไม่ต้องกรอกหน้า B

วันที่ 5 ธันวาคม 2562
เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติจูบุเซ็นแทรร์ เมืองนาโกย่า ( Chubu Centrair International Airport) ประมาณ เวลา 9.00 น. ผ่าน ตม.ควรเตรียมคำตอบและข้อมูลการท่องเที่ยวไว้ด้วย รับประเป๋าเรียบร้อยก็เตรียมความพร้อมล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะกับอากาศที่นั่น อากาศค่อนข้างหนาวประมาณ 7 องศา  จากนั้นก็เตรียมความพร้อมเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ ว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ เปิด Roaming  dTac Travel Go ปั๊บใช้งานได้เลยดีมากไม่เหมือนกับที่อ่านรีวิวมาเลยว่าเน็ตไม่ดี....ดีเลยค่ะเยี่ยมๆๆๆๆ
7 GB 10วัน ราคา 399 บาทคิดว่าคุ้มแน่ๆ...
















เดินทางเข้าเมืองนาโกย่าโดยรถไฟ











แลก JR PASS
ศึกษาข้อมูลเพิ่มที่นี่นะ https://www.jtbthailand.com/th/japan-rail-pass/ 

ตั๋ว JR Pass คืออะไร?

ตั๋ว Japan Rail Pass (หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า JR Pass) คือตั๋วโดยสารราคาคุ้มค่าสำหรับใช้เดินทางระยะไกลด้วยรถไฟในประเทศญี่ปุ่น โดยจำหน่ายให้แก่เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น ผู้ถือตั๋วสามารถใช้ตั๋วนี้โดยสารรถไฟ JR ไม่จำกัดจำนวนครั้งในระยะเวลา 1 2 หรือ 3 สัปดาห์ในราคาที่คนญี่ปุ่นเองยังต้องอิจฉา

ผู้สนใจต้องซื้อตั๋วนี้ก่อนเดินทางมาประเทศญี่ปุ่น เพราะตั๋วชนิดนี้จะไม่มีวางขายในประเทศญี่ปุ่น ตั๋วแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ แบบธรรมดา และรถไฟชั้นหนึ่ง Green Cars ซึ่งมีที่นั่งกว้างขวางกว่ารถไฟขบวนธรรมดา

ทำไมถึงควรซื้อ JR Pass?

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปญี่ปุ่นไม่ถูกเลย และยังเป็นสัดส่วนใหญ่ ๆ ในค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย และด้วยความที่รูปร่างเกาะของญี่ปุ่นเป็นลักษณะยาว และแคบทำให้ระยะทางที่ต้องเดินทางเพิ่มตามขึ้นมาอีก หากคุณแค่เดินทางจากโตเกียวไปโอซาก้าอย่างเดียว ตั๋วปกติจะอยู่ที่ราคา 28,900 เยน แต่ถ้าเป็นตั๋ว JR Pass แบบธรรมดาใช้ได้นาน 7 วันจะมีราคาเพียง 29,110 เยน เท่านั้น จะเห็นได้ว่าซื้อตั๋ว JR Pass คุ้มค่ากว่ามากอย่างชัดเจนสำหรับการท่องเที่ยวทั่วญี่ปุ่น


รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Yabaton เมนู Miso Katsu หนึ่งในอาหารชื่อดังของเมืองนาโกย่า หมูทอดราดซอสที่มีส่วนผสมของมิโสะแดง (อาหารท้องถิ่น) แต่ละร้านมีคนรอคิวซื้ออาหารยาวเหยียดแต่ก็ดูเค้าชิลๆ นั่งรอไปเล่นโทรศัพท์ไป กระเป๋าใบใหญ่สามารถนำเข้าไปในร้านได้เค้ามีพื้นที่สำหรับวางได้























เดินทางเข้าสู่เมืองโอซาก้าโดยรถไฟชินคันเซ็น



ถึงสถานี Shin-Osaka Station เดินพร้อมกับกระเป๋าใบโตไปที่พักทุลักทุเลกันนิดหน่อย โรงแรมใกล้กับสถานีเหมาะเลยค่ะจะไปไหนก็สะดวก



เข้าที่พัก Hotel MyStay Shin-Osaka Conference
ที่อยู่: 6 Chome-2-19 Nishinakajima, Yodogawa Ward, Osaka, 532-0011 ญี่ปุ่น
โทรศัพท์: +81 6-6302-5571




ถึงจะเหนื่อยยังไงก็ต้องไป พักผ่อนกันเกือบ 1 ชั่วโมง ไปแหล่งช้อปปิ้ง Shinsaibashi กันต่อ 555 ย่านชินไซบาชิ(Shinsaibashi) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองโอซาก้า (Osaka) เรียกได้ว่าเป็นย่านยอดสุดฮอตของเหล่านักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ บอกเลยว่าถ้ามาโอซาก้าแล้วไม่มาเที่ยวย่านนี้ถือว่ามาไม่ถึง เนื่องจากเป็นย่านศูนย์กลางการช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองโอซาก้า พวกเราเจอร้านแรกก็เกือบหมดตัว....เห็นอะไรก็อยากซื้อไปหมด



รับประทานอาหารเย็น Matsuya เปิด 24 ชั่วโมง มีสาขามากมายกระจายทั่วญี่ปุ่น Matsuya  มีการควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบและการปรุงอาหาร ระดับมาตรฐานโลกเลยเชียวนะ เนื้อวัวเป็นเนื้อนำเข้ามาจากอเมริกา ส่วนผักต่างๆ เป็นผลผลิตภายในประเทศที่มีการคัดเลือกคุณภาพที่ดีที่สุด อาหารทุกจานไม่มีส่วนผสมที่มาจากเคมี





Shopping กันเล็กๆน้อยๆ ได้รองเท้ากันคนละไม่ต่ำกว่า 2 คู่....


เดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก Hotel MyStay Shin-Osaka Conference  เจอกันพรุ่งนี้น้าาาา

วันที่ 6  ธันวาคม 2562 วันนี้ไปชม Himeji Castle

ปราสาทฮิเมจิ เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538 ปราสาทฮิเมจิได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536











เนื่องจากต้องใช้เวลาการเดินทางเป็นชั่วโมง  เลือกซื้อ Eki-ben (เอกิเบน-ข้าวกล่องสถานี ย่อมามาจากคำว่า เอกิ ที่แปลว่าสถานีรถไฟ และ เบนโตะ ที่แปลว่า ข้าวกล่อง) อาหารกล่องที่ขายตามสถานีรถไฟต่างๆ โดยเฉพาะสถานีชุมสายการเดินทางต่างเมือง เพื่อรับประทานบนรถไฟ แต่ละกล่องก็จะมีความพิเศษต่างกัน เช่นรวมอาหาร/วัตถุดิบท้องถิ่น หรือบางกล่องก็มีขายแค่บางสถานีเท่านั้น









เดินทางไปเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโกะโดยชินคันเซน เพื่อเที่ยวชมปราสาทฮิเมจิ ที่มีสีขาวเป็นเอกลักษณ์










ปราสาทฮิเมจิ(Himeji Castle) เฮียวโกะ ถนนระหว่างทางเดินไปปราสาทไม่ไกล พวกเราใช้เวลาเกือบครึ่งวันในการเดินไป เพราะความสวยงามของต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี ดอกไม้สวยๆบนทางเท้าใช้เวลาถ่ายภาพสวยๆไปพร้อมๆกับหลบหนาวในร้านค้า ร้านขนม เป็นระยะๆ...โดยเฉพาะร้านร่มสาวๆติดใจอยู่นานเป็นพิเศษ....ขาไป Shopping กันเล็กๆ ได้ร่มเป็นที่ระลึกกัน ชุดกีฬา...ฯลฯ  

















ชิมวัฟเฟิลกับอากาศหนาวๆ แสนอร่อยดีแท้ คนญี่ปุ่นเค้าจะไม่เดินทานอาหาร พวกเราก็ทำตัวให้กลมกลืนซะหน่อย ยืนทานหน้าร้านให้เสร็จแล้วเดินต่อ....











































































































ขาไปก็ว่าใช้เวลามากสุดๆแล้ว ขากลับก็ยังทำลายสถิติกันอีกแวะร้านขายของที่ระลึกทุกร้าน...ร้านเสื้อผ้า หมดแรงก็เข้าร้านอาหารทานอาหารมื้อเย็น...อิ่มอร่อยมีแรงเดินทางต่อไปโกเบ..ชมงานประดับไฟประจำปี....




โกเบ ลูมินาริเอะ (Kobe Luminarie) คืองานประดับไฟประจำปีที่จัดขึ้นที่เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโกะ ในช่วงงานเทศกาลประดับไฟนี้ จะถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟ LED ลวดลายต่างๆ แนวทางเดินความยาวกว่า 2 กิโลเมตร โดยในปี 2019 นี้จะขึ้นระหว่างวันที่ 6-15 ธันวาคม 2019 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 25  การจัดการดีมากเลยมีเจ้าหน้าที่อยู่เป็นระยะ กำหนดการเดินให้พอเหมาะเดินไปได้เรื่อยๆเป็นทางเดียว ทางเข้าทางออกมืออาชีพจริงๆเลย เสียดายที่แบ็ตมือถือหมด...ใช้ Save Energy Mode......ถ่ายคลิปได้นิดเดียว



















ได้เวลากลับที่พักทางผ่านโรงแรมต้องแวะซื้อขนม น้ำดื่ม ที่ 7Eleven เผื่ออาหารมื้อเช้าพรุ่งนี้ด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10 เมษายน 2561)

ตอนที่ 1 เดินทางเ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย 10-17 เมษายน 2560 (10-11 เมษายน 2561) การเตรียมตัว สนามบินสุราษฎร์ธานี   สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ  สนามบินนิวเดลี สนามบินศรีนาคา  เข้าพักที่ Chicago Group of Houseboats ตอนที่ 1    ตอนที่ 2     ตอนที่ 3    ตอนที่ 4     ตอนที่ 5     ตอนที่ 6 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน การซื้อทัวร์ที่ SRINAGAR การขอ E-VISA การทำประกันการเดินทาง เดินทางในประเทศ เที่ยวไป 10 เมษายน 2561 เดินทางโดย นกแอร์ สุราษฎร์ธานี - ดอนเมือง เวลา 18.10 - 19.20 น. เที่ยวกลับ 17 เมษายน 2561 เดินทางโดยไลออนแอร์ ดอนเมือง - สุราษฎร์ธานี 08.50-10.00 น. เดินทางต่างประเทศ เดินทางโดย Spice Jet http://www.spicejet.com/ เที่ยวไป SG88 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - สนามบินเดลี DEL/ T3  เวลา 03.50-06.25 เที่ยวไป SG937 วันที่ 11 เมษายน 2561 จากสนามบินเดลี DEL- สนามบินศรีนาคา SXR  เวลา 09.50-11.40 เที่ยวกลับ SG144 วันที่ 16 เมษายน 2561 จากสนามบินศรีนาคา SXR -สนามบินเดลี DEL เวลา 12.20-14.00 เที่ยวกลับ SG87 วันที่ 16

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (7-9 เมษายน 2560 เดินทาง โกลกัตตา-นิวเดลี-เลห์)

ตอนที่ 1 เดินทางเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย (เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง เดินทางจากสุราษฎร์ธานี-สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินกัลกัตตา Kolkata I -สนามบินนิวเดลลี) ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6 ก่อนเดินทางไปเลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย สิ่งแรกก็ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนก็คือดูว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศอินเดีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปอินเดีย ครั้งแรกไปสิกขิมอยู่ทางเหนือของอินเดีย อยู่ระหว่าเนปาลกับภูฎาน แต่เลห์ ลาดัก จะขึ้นไปทางเหนือของอินเดียมากกว่าสิกขิม เลยเมืองนิวเดลี ขึ้นไป ทางด้านปากีสถานดูแผนที่ด้านล่างประกอบนะคะ ต่อมาก็เริ่มศึกษาจากรีวิว เลห์ ลาดักห์ จากหลายๆแหล่ง มีเยอะมากแสดงว่าคนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะจาก YouTube ชอบหลายคลิป โดยเฉพาะของรายการคนค้นคน...และของรายการ Travel Channel Thailand ช่วงนี้ว่างเป็นต้องชมคลิป เลห์ ลาดักห์.....เพื่อความสะดวกในการชมคลิปขอนำมาแปะที่หน้าบล็อกนี้เลย.....นี่ขนาดยังไม่ได้เดินทางไปนะคะยังฟินขนาดนี้.....😍😍 ลำดับต่อมาก็คือการจองตั๋ว ปกติไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH)

ตอนที่ 4 เดินทางเลห์ ลาดักห์ ประเทศอินเดีย 7-15 เมษายน 2560 (12 เมษายน 2560 LEH) ตอนที่ 1    ตอนที่ 2    ตอนที่ 3    ตอนที่ 4    ตอนที่ 5    ตอนที่ 6 12 เมษายน 2560 ตื่นเช้าเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางผ่านภูเขาหิมะจากตัวเมือง Leh Ladakh สู่ Pangong Lake ทะเลสาบน้ำแข็ง กำหนดว่าจะออกเดินทาง 6.00 น. โดยเค้าจะเตรียม Breakfast Box ให้ อากาศจะหนาวมากให้เตรียมของไปให้พร้อมด้วย น้ำดื่ม และอ๊อกซิเจนกระป๋องห้ามลืมนะคะสำคัญมากๆ คณะที่ไปทะเลสาบปันกองมีที่ขอ Permit ไว้ 7 คน (น้าวัช น้องเขม น้องเอ็ต น้องพลอย น้องกิต พี่ตุ๊ พี่แดง ) ยื่นขอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึง หิมะตกมากทางปิดมา 2-3 วันแล้วโชคดีที่วันนี้ไปได้ ระยะทางประมาณ 120 km ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมงไปกลับ 12 ชั่วโมง...บรรยากาศระหว่างการเดินทางดูจากภาพนะคะ ชัดเจนกว่าการบรรยายแน่นอน...แบ่งเส้นทางเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือช่วงที่ออกจากเมือง Leh ถนนลาดยาง ระดับที่ 2 เริ่มออกนอกเมือง เริ่มเป็นถนนหิน+ดิน ระยะที่ 3 เป็นถนนที่เลียบภูเขาและผ่านหิมะ ค่อนข้างโหด........... จุดที่พักเข้าห้องน้ำ จุดแรกหนาวมากๆๆๆๆๆ เดินไปห้องน้ำ ต้องเ